บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มกราคม, 2021

แมวที่พร้อมจะรับเงินตลอดเวลา

รูปภาพ
แมวที่พร้อมจะรับเงินตลอดเวลา เป็นแมวที่ได้รับการเลี้ยงดูอยู่ภายใน GuRuStu บริษัท ในรัฐโอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกา วันหนึ่ง Stuart Daniel ผู้เจ้าของพบเงิน 5 ดอลลาร์สหรัฐ อยู่บริเวณประตูโดยไม่รู้ว่ามันมาได้ยังไง จากนั้นพบว่ามันกระโดดรับเงินของคนที่แกล้งมันโดยการเอาเงินมาแหย่ตรงบริเวณประตู จนตอนนี้มีผู้คนเข้ามาแกล้งมันเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่ามันพร้อมที่จะรับเงินทุกใบที่ยื่นเข้ามา  เจ้าของจึงนำเงินที่ได้ไปบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศล แมวเป็นสัตว์เลือดอุ่นที่มีรูปร่างเพรียว มีหางยาว มีใบหน้าที่เรียวและโครงหน้าแหลมเช่นเดียวกับเสือ ในธรรมชาติแมวจะนอนหลับในเวลากลางวัน และตื่นในเวลากลางคืน

คนโรมันยุค ปอมเปอีสองพันปีก่อน กินอร่อยทั้งเป็ดไก่ หอยทาก และไวน์ หลังวิจัยพบซากอาหารแช่แข็งในร้านฟาสต์ฟูดใต้กองเถ้าภูเขาไฟ

รูปภาพ
แผงขายอาหารร้อนพร้อมรับประทานในสไตล์ฟาสต์ฟูดของชาวโรมันโบราณในนครปอมเปอี ซึ่งสดใสด้วยการตกแต่งลวดลายหลากสีสัน ร้านขายอาหารอันเป็นโบราณสถานไซส์เล็กแห่งนี้ซึ่งถูกแช่แข็งอยู่ใต้การทับถมของเถ้าถ่านภูเขาไฟลึกร่วมๆ 4-6 เมตร เป็นส่วนหนึ่งที่นักโบราณคดีขุดพบเมื่อปีที่แล้ว (2019) และทำการปฏิสังขรณ์เรื่อยมาจนกระทั่งมองเห็นได้ถึงความงดงาม แผงขายอาหารในนครปอมเปอีเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ที่ถูกขุดพบใต้เถ้าถ่านภูเขาไฟ ซึ่งยังมีสารพัดซากอาหารอยู่ภายในภาชนะต่างๆ ทำให้นักวิจัยได้เห็นวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของชาวโรมันโบราณ เคาน์เตอร์ขายอาหารซึ่งสดใสด้วยการตกแต่งลวดลายหลากสีสัน และถูกแช่แข็งอยู่ใต้การทับถมของเถ้าถ่านและหินภูเขาไฟปริมาณมหาศาล เป็นส่วนหนึ่งของการขุดพบโดยนักโบราณคดีเมื่อปีที่แล้ว (2019) และได้มีการปฏิสังขรณ์เรื่อยมาจนกระทั่งมองเห็นได้ถึงความงดงามอย่างครบครัน นครปอมเปอีถูกฝังจมอยู่ในทะเลแห่งลาวาเดือดที่พุ่งทะลักไหลออกจากภูเขาไฟวิสุเวียสต่อเนื่องข้ามวันข้ามคืน แล้วเย็นลงอย่างรวดเร็วกลายเป็นชั้นของเถ้าถ่านและดินหินภูเขาไฟลึก 4-6 เมตร ทำให้ปอมเปอีอยู่ในสภาพแช่แข็งต่อเนื่องหลายศตวรรษ การระเบิดของภ

นักฟิสิกส์ฮาร์วาร์ดชี้ เอเลียนเคยมาเยือนเราแล้ว และพวกเขาก็ทิ้ง ขยะจากเอเลียน เอาไว้ด้วย

รูปภาพ
ด้วยความที่เราไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวบนโลกมาก่อน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่หลายๆ คน จะเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง หรืออย่างน้อยๆ พวกเขาก็คงจะไม่เคยเดินทางมายังโลก… แต่แนวคิดดังกล่าวนี้ก็อาจจะถึงเวลาที่จะต้องถูกล้มล้างแล้วก็เป็นได้ นั่นเพราะเมื่อล่าสุดนี้เอง ภายในหนังสือเล่มใหม่ที่มีกำหนดการจะตีพิมพ์ในวันที่ 26 มกราคม ที่จะถึงนี้ นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ของฮาร์วาร์ดอย่าง คุณ Avi Loeb ก็เพิ่งจะออกมาประกาศว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นแท้จริงแล้วเคยมีการมาเยี่ยมเยือนเราแล้วแน่ๆ ในอดีต และเขาก็พบหลักฐานที่ดีในรูปแบบ  “ขยะจากเอเลียน” ที่จะยืนยันแนวคิดของตัวเองแล้วด้วย ซึ่งหลักฐานการมีอยู่ของเอเลียนที่เขากล่าวมานั้น ก็คือตัวตนของสิ่งที่เราเรียกกันว่า “โอมูอามูอา” (ภาษาฮาวายแปลว่า ผู้ส่งสาร หรือ ผู้สอดแนม) นั่นเอง  ภาพจำลองรูปร่างที่ “น่าจะเป็น”  ของโอมูอามูอา โดยโอมูอามูอานั้น เป็นวัตถุปริศนารูปร่างเหมือนซิการ์ความยาวประมาณ 400 เมตร ซึ่งถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในช่วงปี 2017 ก่อนที่การวิเคราะห์เพิ่มเติมจะทำให้เราทราบว่าจริงๆ แล้วมันเป็นวัตถุที่ม

เทือกเขาคองแนวเขาที่ปรากฏอยู่ในแผนที่แอฟริกานานเกือบ 1 ศตวรรษ แต่ไม่มีอยู่จริง

รูปภาพ
เ ทือกเขาคองปรากฏอยู่ในแผนที่แอฟริกาตะวันตกเกือบทุกฉบับตลอดช่วงศตวรรษที่ 19 ยอดเขาสูงหลายแห่งของเทือกเขาคองสูงเสียดฟ้า และหลายคนเล่าว่า ยอดเขาเหล่านี้มีหิมะปกคลุมอยู่เกือบตลอดปี เทือกเขาอันโดดเด่นนี้ปรากฏอยู่บนแผนที่แอฟริกาตะวันตกในศตวรรษที่ 19 เกือบทุกฉบับ เหมือนกับอุปสรรคที่ไม่มีใครข้ามไปได้ มันขวางกั้นและเปลี่ยนทางเดินของแม่น้ำหลายสาย แต่เทือกเขาซึ่งอยู่ในจินตนาการของนักเดินทางจากโลกตะวันตกมานานหลายสิบปีนี้ ไม่เคยปรากฏว่ามีอยู่จริง "ผี" ของการทำแผนที่ ไซมอน การ์ฟีลด์ นักข่าวและผู้เขียนหนังสือเรื่อง On the Map ที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างแผนที่และมุมมองต่อโลกของผู้คนในสังคมต่าง ๆ กล่าวว่าเทือกเขาในตำนานแห่งนี้คือ "ผี" ในประวัติศาสตร์ของการทำแผนที่ เทือกเขาคองได้รับการพูดถึงเป็นครั้งแรกในโลกตะวันตกโดยมุงโก พาร์ก นักสำรวจชาวสก็อตซึ่งเดินทางเข้าไปในเซเนกัลและมาลีระหว่างปี 1795-1797 เพื่อสำรวจหาแหล่งกำเนิดของแม่น้ำไนเจอร์ มุงโก พาร์ก นักสำรวจชาวสก็อต บรรยายถึงเทือกเขาคองในช่วงทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 18 เรื่องราวการเดินทางของเขาได้รับการตีพิมพ์ในกรุงลอ

ชาวฮาวายวุ่นถ่ายคลิป หลังพบ UFO ประหลาด บินเปล่งแสงสีฟ้า เหนือน่านนภาโออาฮู

รูปภาพ
นับว่าเป็นอีกเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว ข่าวสุดท้ายส่งท้ายปี 2020 ที่ผ่านมาไปแล้ว เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2020 เวลาราวๆ 2 ทุ่มครึ่งทางเวลาในท้องถิ่น ที่เกาะฮาวาย ได้มีรายงานผู้คนจำนวนมากพบเห็น UFO ประหลาด รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขอบมน บินโดยเปล่งแสงสีฟ้าอยู่เหนือน่านฟ้าของโออาฮู UFO ดังกล่าว ถูกพบเห็นเป็นครั้งแรกโดยผู้หญิงชื่อ Moriah ผู้ซึ่งเห็นปรากฏการณ์ประหลาดบนฟ้า และตะโกนเรียกสามีของเธอและผู้คนอีกจำนวนหนึ่งออกมาดูสิ่งที่เกิดขึ้น “ฉันมองขึ้นไปบนฟ้า และฉันก็รู้สึกประมาณว่า เฮ้ยนี่มัน!!” คุณ Moriah ระบุ เธออธิบายเพิ่มเติมว่า UFO ที่เธอเห็นนั้น มีขนาดยาวกว่าเสาโทรศัพท์ และสามารถบินได้โดยไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ด้วย ซึ่งในตอนต้นหากว่าผู้พบเห็น UFO ดังกล่าวมีเพียงแค่คนกลุ่มนี้กลุ่มเดียว เราก็ยังอาจจะบอกว่าการพบเห็นนี้เป็นการคิดไปเองได้ อย่างไรก็ตามในพื้นที่ใกล้เคียงกันก็ดูเหมือนจะมีผู้ประสบพบเห็น UFO ดังกล่าวอีกหลายคน และบางคนก็มือไวมีโอกาสจับภาพ UFO ดังกล่าวไว้ได้เลยด้วย ภาพ UFO ที่ถูกพบจาก 9NEWS ซึ่งเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นถูกสอบถามไปยังสำนักงานบริหารการบินข

นี่คือหิน คัมมาคิวิ Kummakiviณ ป่ารูโกลาห์ติ ทรงตัวแบบนี้มานานกว่า 12000 ปีแล้ว

รูปภาพ
นี่คือ “ก้อนหินคัมมาคิวิ” (Kummakivi Rock – แปลว่าหินประหลาด) ตั้งอยู่ที่ป่ารูโกลาห์ติ (Ruokolahti) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฟินแลนด์ มีขนาดใหญ่สูง 7 เมตร ซึ่งความน่าสนใจก็คือ มันทรงตัวอยู่บนก้อนหินอีกก้อนอย่างหมิ่นเหม่ ราวกับขอแค่มีใครสักคนไปสะกิดมันก็พร้อมจะล้มทันที แต่เชื่อหรือไม่ว่า..ต่อให้ใช้แรงพลักมันมากแค่ไหนหินก้อนนี้ก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งมันยังตั้งอยู่ในสภาพนี้มานานถึง 12,000 ปีแล้ว โดยตามตำนานของชาวพื้นเมืองฟินแลนด์เชื่อว่า หินก้อนนี้ถูกนำมาตั้งโดยยักษ์โทรลล์ เพื่อทำเป็นสัญลักษณ์ถึงการมีอยู่ของพวกมัน เนื่องจากหินใหญ่ขนาดนี้ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ได้อย่างแน่นอน บ้างก็ว่ายักษ์โทรลล์ชอบสะสมหินและหินก้อนนี้ก็คือ 1 ในคอลเลคชั่นที่สะสมไว้ แต่ในทางวิทยาศาสตร์ นักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่าหินคัมมาคิวินี้ถูกธารน้ำแข็งในยุคน้ำแข็งช่วงสุดท้ายพัดมา ซึ่งในตอนแรกมันถูกประคองไว้ด้วยดินโคลนและน้ำแข็ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปน้ำแข็งค่อย ๆ ละลายและดินโคลนถูกกระแสน้ำพัดไหลออกไป เหลือทิ้งไว้แต่หิน 2 ก้อนที่ตั้งตระหง่านอย่างที่เห็น แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการสันนิษฐาน นัก

น้ำตกอีกวาซู สายน้ำอันยิ่งใหญ่ ของชาวอินเดียนแดง

รูปภาพ
น้ำตกอีกวาซู: Iguazu Falls  แปลว่า “สายน้ำอันยิ่งใหญ่” เป็นคำมาจากภาษากวารานี (Guarani) ชาวอินเดียนแดงเผ่าดั้งเดิมน้ำตกอีกวาซูตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศอาร์เจนตินา เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ใหญ่กว่าน้ำตกไนแอการาประมาณ 30 เท่า อย่างไรก็ตามขนาดของน้ำตกใกล้เคียงกับน้ำตกวิกตอเรียในทวีปแอฟริกา น้ำตกอีกวาซูเกิดจากแม่น้ำอีกวาซูซึ่งไหลมาจากที่ราบสูงปารานา ตกจากขอบที่ราบสูงขนาดใหญ่ลงสู่พื้นที่ราบต่ำกว่า จึงกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร สูงกว่า 269 ฟุต ประกอบด้วยน้ำตกน้อยใหญ่อีก 275 แห่ง ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคมปริมาณน้ำมีมากถึงกว่า 13.6 ล้านลิตรต่อวินาที แต่ในช่วงฤดูร้อน คือระหว่างเมษายนถึงเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำจะลดลงเหลือ 2.3 ล้านลิตรต่อวินาที บริเวณรอบ ๆ น้ำตกจะเกิดละอองน้ำอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงดังไปไกลกว่า 24 กิโลเมตร บนฝั่งประเทศบราซิลจะมองเห็นน้ำตกได้ทั่วถึงและงดงาม แต่ทางฝั่งประเทศอาร์เจนตินาสามารถเข้าชมน้ำตกได้ใกล้กว่า ประเทศบราซิลและประเทศอาร์เจนตินาต่างประกาศให้บริเวณพื้นที่ป่าริมน้ำตกเป็นเขตอุทยานแห

บันทึกโควิด-19 ผ่านคำบอกเล่าของ อสม. ชายแดนไทย-เมียนมา

รูปภาพ
สำนักข่าวแทบทุกแห่งในโลกคงยกให้การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นข่าวใหญ่อันดับหนึ่งประจำปี 2563 ทั้งจากจำนวนผู้เสียชีวิต ผู้ติดเชื้อ ความเสียหายทางเศรษฐกิจ ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายและวิถีชีวิตของผู้คนมหาศาล บีบีซีไทยเลือกที่จะบันทึกเหตุการณ์ใหญ่ประจำปี 2563 นี้ ผ่านสายตา คำบอกเล่าและภารกิจของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการต่อสู้กับการระบาดของไวรัสร้ายที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านี้ กลางเดือน ธ.ค. เราเดินทางไป อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อพบกับ อสม. หญิงวัย 57 ปี ที่ปฏิบัติภารกิจเป็น อสม. ในพื้นที่ชายแดนที่เต็มไปด้วยแรงงานเมียนมาและคนไทยที่พากันข้ามพรมแดนไปมาเพื่อทำงานและค้าขาย ทำให้พื้นที่นี้มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 อย่างยิ่ง ปี 2563 จินดา ประหุปะเม เริ่มต้นปีด้วยภารกิจใหม่ที่แสนจะท้าทาย อสม. อย่างเธอ นั่นคือการรับมือกับโควิด หลังจากทำงานหนักมานานหลายเดือน ความหวังที่จะส่งท้ายปีอย่างสบายใจหายวับไปพร้อมกับการระบาดระลอกใหม่ในช่วงไม่ถึงสองสัปดาห์สุดท้ายของปี ซึ่งเป็นการระบาดที่เกี่ยวข้องกับแรงงานเมี

มีดสั้นตุตันคามุน ทำจากอุกกาบาต ไม่สึก-ไม่สนิม

รูปภาพ
และนี่คือ Cosmic Dagger (มีดสั้นตุตันคามุน) ทำจากอุกกาบาต (ไม่สึก-ไม่สนิม) แม้ผ่านมา 3 พันปี Cosmic Dagger (มีดสั้นที่ทำมาจากอุกกาบาต) ที่แม้เวลาจะผ่านไปนานกว่า 3,300 ปี แต่กาลเวลาก็ไม่สามารถทำอะไรแร่ที่มาจากนอกโลกนี้ได้เลย  (ซ้าย – ภายในโลงศพที่พบมีด) (ขวา – ภาพเชือกตัวล็อคประตูที่จะพาเข้าสู่ห้องพระศพ) โดยเพิ่งได้รับการยืนยันเมื่อปี 2016 จากนักวิจัยของพิพิธภัณฑ์ในอิตาลีและอียิปต์ว่า มีดสั้นคู่กายของฟาโรห์ตุตันคามุน ที่พบในหลุมศพของพระองค์ปี ค.ศ.1925 ถูกทำขึ้นจากอุกกาบาตนอกโลก หลังสร้างความงุนงงให้แก่นักโบราณคดีมานานว่า “ทำไมมีดสั้นอายุกว่า 3 พันปีเล่มนี้จึงไม่ขึ้นสนิม” โดยคาดว่ามีดสั้นดังกล่าวใส่ไว้เพื่อให้ฟาโรห์ใช้ป้องกันตัวเองในชีวิตหลังความตาย ทีมนักวิจัยของพิพิธภัณฑ์ตรวจสอบโดยใช้เทคนิค “Non-invasive X-ray” (เป็นการเอกซเรย์แบบไม่ทำให้วัตถุชิ้นนั้นเสียหายจากรังสี) ทำให้ทราบว่า มีส่วนประกอบของธาตุเหล็ก นิเกิล และโคบอลต์ ซึ่งตรงกับฐานข้อมูลของแร่ธาตุในอุกกาบาตที่เคยพบในเมืองมาร์ซา-มาทรูฮ์ (Marsa Matrouh) เมืองท่าในประเทศอียิปต์ มีดสั้นเล่มที่ 2 ทำจากทองคำ 100% ซึ่งในสมัยอ

นักโบราณคดีค้นพบ ร้านอาหารข้างทางร่องรอยรสชาติอายุร่วม 2000 ปี ในปอมเปอี

รูปภาพ
“เรารู้แล้วว่าพวกเขากินอะไรกัน”  นักโบราณคดีค้นพบ ‘ร้านอาหารข้างทาง’ ร่องรอยรสชาติอายุร่วม 2,000 ปี ในปอมเปอี . เมื่อเราเกิดหิวขึ้นมากลางทางระหว่างอยู่บนรถ สิ่งแรกๆ ที่เรานึกถึงคงหนีไม่พ้นร้านอาหารข้างทาง ที่นอกจากจะราคาถูกแล้ว ยังสะดวกและเข้าถึงง่ายอีกต่างหาก มันดูจะเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามาก แต่ใครพอจะจินตนาการออกบ้างไหมว่า ร้านอาหารข้างทางเมื่อ 2,000 ปีก่อน จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ล่าสุด กลุ่มนักโบราณคดีในปอมเปอีได้ขุดค้นพบ ‘ร้านอาหารข้างทาง’ ช่วยเปิดเผยร่องรอยและวัฒนธรรมการกิน ของประชาชนชาวโรมันโบราณให้แก่เราในยุคปัจจุบันไปอีกขั้นหนึ่ง . มัสสิโม โอซานนา (Massimo Osanna) หัวหน้านักโบราณดีในพื้นที่ปอมเปอีเปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะค้นพบร้านอาหารจานด่วนจำนวน 80 กว่าร้านทั่วปอมเปอีแล้วก็ตาม แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาค้นพบร้านอาหารข้างทางแบบชั้นวางที่มีช่องบรรจุอาหารและเครื่องดื่มร้อนๆ หรือที่เรียกในภาษาลาตินว่า แตร์มอโปลิอุม (termopolium) ซึ่งแปลงมาจากภาษากรีกโบราณของคำว่า ‘thermos’ ที่แปลว่าร้อน และ ‘poleo’ ที่แปลว่าขาย โดยชั้นวางชั้นนี้ถูกฝังอยู่ใต้ดิน หลังจากที่ชิ้นส่

โกวเจี้ยน ดาบสุดเท่อายุ 2,000 ปีเล่มนี้ เป็นของใครในยุทธภพ

รูปภาพ
"โกวเจี้ยน” ดาบสุดเท่อายุ 2,000 ปีเล่มนี้ เป็นของใครในยุทธภพ ?   ดาบสุดเท่ที่ทุกคนเห็นอยู่นี้ มีชื่อว่า “โกวเจี้ยน” (Goujian) ถูกพบในปีค.ศ.1965 ภายในสุสานโบราณ ณ มณฑลหูเป่ย์ (พบอยู่ข้างกายโครงกระดูกร่างหนึ่ง)  ซึ่งตัวอักษรทั้ง 8 ตัวที่จารึกอยู่บนดาบ อ่านว่า “เยว่-หวาง-โกว-เจี้ยน-จื้อ-จั้ว-ย่ง-เจี้ยน” (ดาบนี้ทำขึ้นเพื่อพระเจ้าโกวเจี้ยนแห่งรัฐเยว่) ซึ่งแน่นอนว่า ดาบเล่มนี้เป็นของ “พระเจ้าโกวเจี้ยน” กษัตริย์ผู้ปกครองอาณาจักรเยว่ (King of YUE) ในปลายสมัยชุนชิว มีตัวตนอยู่จริงเมื่อ 2000 ปีก่อน และสาเหตุที่ทำให้ดาบเล่มนี้ น่าสนใจกว่าดาบประเภท “เจี้ยน” ทั่วไปที่คนในยุทธภพยุคนั้นนิยมใช้กันก็เพราะ ตัวดาบมีส่วนประกอบจาก “ทองแดง + ดีบุก + โลหะ + กำมะถัน” ซึ่งการใช้กำมะถันชุบโลหะจะทำให้ดาบแข็งแกร่งกว่าปกติและไม่ขึ้นสนิม บวกกับเมื่ออยู่ในสภาวะปิดอย่างสุสานใต้ดินจึงเกิดสนิมได้ยากนั่นเอง (ชาวจีนโบราณใช้เทคนิคนี้ในการหลอมเครื่องสำริดที่เรามักค้นพบด้วยเช่นกัน) โดยผู้คนพบเล่าว่า “ตอนที่ชักดาบออกจากฝัก แม้ตัวดาบจะมีฝุ่นหนาเครอะแต่บางส่วนยังคงมันเงา และเมื่อทีมงานคนหนึ่งลองจับด้านคมก็ทำให้เขาถูก