บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม, 2019

ชายเคราะห์ร้ายโดนฝูงผึ้งเกาะหว่างขา คาดกลิ่นดึงดูดนางพญา ไล่ไม่ยอมไป

รูปภาพ
เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ งานนี้เรียกได้ว่าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นายเวลเลลู ชายอายุ 25 ปี ชาวรัฐนากาแลนด์ ทางตะวันออกของอินเดีย ต้องพบกับเหตุการณ์ที่ระทึกปนประหลาดเมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา  เมื่อพบว่าขณะขับรถเดินทางไปอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง ก็มีผึ้งนางพญาบินมาเกาะที่กางเกงด้านหลัง จากนั้นผึ้งตัวอื่นๆ ในฝูงก็บินมาเกาะราวกับว่าเป็นแหล่งทำรังชั้นดี มาได้อย่างไรผึ้งมาทำรังหว่างขา โชคดีที่เจ้าผึ้งไม่ทำอะไร เหตุเกิดในรัฐนากาแลนด์ ของอินเดีย เหตุเกิดขณะที่เขาขับรถเดินทางไปอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง แล้วมีนางพญาผึ้งบินเข้ามาในรถมาเกาะที่กางเกงด้านหลังของเขา แล้วผึ้งตัวอื่น ๆ ก็กรูกันบินมาเกาะเต็มไปหมด เขาเดินลงจากรถเพื่อจะปัดผึ้งออก แต่มันไม่ไป จึงตัดสินใจหยิบผึ้งที่เป็นนางพญาออก นำไปใส่ไว้ในขวดโหล ผึ้งตัวอื่น ๆ จึงบินเข้าไปในขวดโหลตาม จนออกจากกางเกงหมด ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ดีที่หนุ่มรายนี้ไม่เป็นอะไร

ห​นุ่มส​วนยาง เ​จอ​สัตว์ป​ระห​ลาดคล้า​ย ตัวเงิ​นตั​วทอง ​มีพิษ​ร้ายแร​ง

รูปภาพ
หวิด​สิ้นชื่​อ ห​นุ่มส​วนยาง เ​จอ​สัตว์ป​ระห​ลาดคล้า​ย ตัวเงิ​นตั​วทอง ​มีพิษ​ร้ายแร​ง ​วัน​ที่ 25 ​ส.​ค.62 เวลา08.00​น. ผุ้สื่​อข่า​ว​สยาม​นิวส์รา​ย​งา​นว่า ได้รับแ​จ้​งจากชา​ว​บ้านพื้น​ที่ ม.8ต.​พรุดิน​นา อ.ลำทับ จ.กระ​บี่ ว่าสัต​ว์ตัว​ประหลาด​คล้ายตั​วเงิ​น​ตัวท​องจึ​งได้​ลงตรว​จ​ส​อบที่จุดดั​งกล่าว ​พ​บนายสุธี ใจสง่า อา​ยุ45ปี ​ชาวสว​น​ยาง ​ม.8 ​ต.พรุดิ​นนา อ.คล​องท่อม ​จ.กระบี่ ได้เ​ล่าให้ฟังว่า ช่ว​งเช้าที่​ผ่า​นมาต​นได้เก็บน้ำยาง​ชึ้งใกล้จะเสร็จแล้วได้หันไปเห็น​สัตว์ประหลาดกำลั​งค​ลานอยู่​บนพื้น​ดินในส​วนยางยาว​ประมาณ1ศ​อก คล้ายตั​วเงินตัวท​อง มี​หัวสี​ส้​ม ​ลำตัว​สีดำ ลำ​ตัวเป็​นปล้​องๆ ต​นจึงได้หยิ​บโทรศั​พท์​มาถ่าย​รู​ปไว้และสัต​ว์ประหลาด​ก็ได้ค​ลานเข้าป่าไป ​หลังจาก​นั้นไ​ด้เอา​ภาพสั​ตว์ป​ระหลาด​มาใ​ห้เพื่​อนดู เพื่อ​นได้บอก​ว่าสัตว์ป​ระหลาดตัว​นี้เ​ขาเ​รีย​ก​ว่า งูเห่าช้าง มั​นมีพิ​ษร้ายแ​ร​งถ้าไครโดน​พิษแล้วหมา​ยถึงเสียชีวิตเลยทีเดี​ยว เ​พ​ราะมันสามา​รถพ่นพิ​ษได้ใน​ระยะ1เ​มตร นายสุ​ธี ไ​ด้​บอก​ว่าตนเ​องถื​อว่าโชค​ดีแ​ค่ถ่ายรูปถ้าไ​ปจับลำตัวข​อง​มั​

นักโบราณคดีเปิดโลงศพหิน 1,500 ปี ที่ฝรั่งเศส

รูปภาพ
นักโบราณคดีเปิดโลงศพหิน 1,500 ปี ที่ฝรั่งเศส หลังถูกพบโดยบังเอิญระหว่างการพัฒนาพื้นที่ ในวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ทีมนักโบราณคดีของฝรั่งเศสได้มีการออกมารายงานการค้นพบโลงศพหินจากศตวรรษที่ 7 ชิ้นหนึ่ง ใกล้ๆ กับมหาวิหารเซนต์เอเตียน ในเมือง Cahors ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โลงศพหินชิ้นนี้ ถูกพบในช่วงฤดูร้อนโดยบังเอิญในระหว่างที่คนงานในพื้นที่กำลังทำการการพัฒนาพื้นที่เมืองตามกำหนดการของรัฐบาล โดยมันเป็นโลงศพที่ทำจากหินอ่อนซึ่งมีสี่ด้าน และมีฝาโลงถูกปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนาด้วยปูน ต่างไปจากโลงศพหินสีดำที่อียิปต์ นักโบราณคดีของฝรั่งเศสนั้นไม่มีปัญหาใดๆ ในการเปิดโลงศพนี้ในทันทีที่พวกเขาพบโลงศพ และภายในโลงหินอันนี้เอง พวกเขาก็พบกับโครงกระดูกของหญิงชราคนหนึ่งซึ่งมีร่องรอยของโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ในสมัยราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง หรือราวๆ ปี ค.ศ. 450-751 นี่นับว่าเป็นการค้นพบที่น่าสนใจและสำคัญมากครั้งหนึ่งของฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ เพราะแม้ว่าพวกเราจะทราบถึงการมีอยู่ของราชวงศ์เมรอแว็งเฌียงก็ตาม แต่เรื่องราวรายละเอียดของยุคสมัยนี้ กลับเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะมี

พิพิธภัณฑ์เยอรมัน พบป้ายหลุมศพของหญิงสาวผู้อาจเป็นต้นฉบับของ สโนว์ไวท์

รูปภาพ
เป็นเรื่องที่เราทราบกันว่าสโนว์ไวท์นั้น นับว่าเป็นหนึ่งในนิทานที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของพี่น้องตระกูลกริมม์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นแล้วมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายๆ คนจะคิดว่านิทานเรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องแต่งขึ้นเท่านั้น และไม่น่าจะมีมูลความจริงแฝงอยู่ได้ ว่าแต่เพื่อนๆ เชื่อหรือไม่ว่านิทานเรื่องสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดนั้นแท้จริงแล้วอาจจะมีมูลความจริงมากกว่าที่คิดก็เป็นได้ เพราะเมื่อล่าสุดนี้เองพิพิธภัณฑ์ Diocesan Museum ในประเทศเยอรมนี ได้ออกมารายงานการค้นพบป้ายหลุมศพของหญิงสาวในอดีตคนหนึ่ง ซึ่งพวกเขาเชื่อกันว่าเธอนี่ล่ะคือ “ต้นฉบับ” ของนางเอกนิทานดังอย่างสโนว์ไวท์ หญิงสาวผู้นี้นั้นมีนามว่า  “Maria Sophia von Erthal”  ชนชั้นสูงผู้มีชีวิตในช่วงศตวรรษที่ 18-19 และอาศัยอยู่ในปราสาทใกล้ๆ  เมือง Lohr am Main อีกที เรื่องราวของ Maria Sophia นั้นมีส่วนที่คล้ายกับสโนว์ไวท์อยู่หลายส่วน ไม่ว่าจะจากการที่เธอเป็นสาวงาม มีแม่เลี้ยง (ภรรยาคนที่สองของบิดา) ซึ่งใจร้ายกับตัวเธอมาก แถมยังอาศัยอยู่ในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับการผลิตกระจก และมีเหมืองที่ใช้แรงงานเด็กอยู่

ฟอลซิลหนูน้อย 3.3ล้านปี ผลศึกษาชี้อายุ3ขวบปีนต้นไม้ได้แล้ว

รูปภาพ
ฟอลซิลหนูน้อย –  เว็บไซต์ ซีเอ็นเอ็น รายงานการศึกษาฟอสซิลมนุษย์โบราณอายุกว่า 3,300,000 ปี แสดงให้เห็นว่าเด็กวัยหัดเดินในยุคนั้นปีนต้นไม้ได้แล้ว ฟอสซิลนี้เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ในโลกเมื่อ 3 ล้านปีก่อน เด็กหญิงวัยหัดเดินรูปร่างผอมบางในยุคดึกดำบรรพ์เสียชีวิต จนร่างของเธอกลายเป็นฟอสซิลที่มีลักษณะโดดเด่นที่อาจสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของบรรพบุรุษมนุษย์แรกๆ ฟอสซิลเด็กหญิงที่เสียชีวิตตอนใกล้ครบ 3 ขวบคนนี้มีชื่อว่า ‘เซลัม’ (Selam) มาจากภาษาอามฮาริคของเอธิโอเปีย แปลว่า สันติภาพ เป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์สายพันธุ์แรกที่เรียกว่า ‘ออสตราโลพิเธคคัส อฟาร์เอนซิส’ (Australopithecus afarensis) ฟอสซิลโครงกระดูก สภาพเกือบสมบูรณ์นี้ฝังอยู่ในตะกอนที่ทับถมกันมานานหลายล้านปี ในเมืองไดกิคา ประเทศเอธิโอเปีย ค้นพบในปีพ.ศ. 2545 โดย ซาราซีเนย์ อลัมเซเจด ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์และพืชดึกดำบรรพ์และศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาอวัยวะและกายวิภาคศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิคาโก ทีมวิจัยต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากในการขุดฟอสซิลขึ้นมา วารสารวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าตีพิมพ์ผลการศึกษาในวันพุธที่ 4 ก.ค. ว่า หนึ่งในองค์

ขุดหลุมตามความฝัน อึ้งพบของใช้โบราณอายุกว่าพันปี

รูปภาพ
ชาวบ้านหนองบัวลำภู ฝันเห็นทหารโบราณมาบอก"อยากขึ้นจากดิน"และในป่ากล้วยมีทรัพย์สินมีค่าฝังอยู่ ไปขุดถึงกับผงะตรงกับความฝัน พบกระดูกมนุษย์ ของใช้โบราณอายุร่วม 1,500 ปี เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายศรายุทธ อรัญมาลา กำนันตำบลนามะเฟือง อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เปิดเผยว่า วานนี้  ได้รับแจ้งจาก นายอุดม บุญน้อม อายุ 61 ปี ชาวบ้านนามะเฟือง ว่า ได้ทำการขุดหลุมตามความฝันเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา แล้วพบวัตถุโบราณและโครงกระดูกมนุษย์ รวมไปถึงสิ่งของเครื่องใช้ในยุคโบราณหลายร้อยชิ้น ซึ่งได้เก็บไว้ภายในบ้านพักในสวนกล้วย ของ นายกรรณ์ บุญน้อม ผู้ครอบครองตามกรรมสิทธิ์ อยู่บ้านเลขที่ 56/1 หมู่ 9 ต.นามะเฟือง อ.เมืองหนองบัวลำภู  ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ติดกับวัดดอน อุบมุง จึงลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ พร้อมกับนายวิชิต สุทธิสิงห์ นักวิชาการวัฒนธรรมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู จากการเข้าตรวจสอบ พบว่า วัตถุโบราณถูก นายอุดม เจ้าของสวน ได้ทำการขุดค้นขึ้นมาเก็บรักษาไว้ภายในบ้านพัก เป็นโครงกระดูกมนุษย์ (กะโหลกศีรษะ )10 หัว พร้อมหม้อไห เครื่องใช้ กำไลข้อมือเครื่องประดับ โลหะต่างๆ

พบแผ่นหินโบราณอายุร่วม 12,000 ปี ถูกสลักด้วยรูปปริศนา ม้าไร้หัว ในฝรั่งเศส

รูปภาพ
ในวันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่นของประเทศฝรั่งเศสได้มีการนำเสนอข่าวการค้นพบ แผ่นหินโบราณเก่าแก่ อายุร่วม 12,000 ปี ซึ่งถูกสลักไว้ด้วยรูปม้าและสัตว์อื่นๆ ในแหล่งโบราณคดีทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอ็องกูแลม ประเทศฝรั่งเศส อ้างอิงจากข้อมูลของสถาบันวิจัยโบราณคดีแห่งชาติฝรั่งเศส (Inrap) เจ้าแผ่นหินโบราณที่ถูกพบนี้ ทำจากหินทรายที่มีความยาวอยู่ที่ 25 เซนติเมตร กว้าง 18 เซนติเมตร และหนา 3 เซนติเมตร ซึ่งน่าจะเคยถูกใช้งานกันในสมัยยุคหินเพลิโอะลีธอิคมาก่อน หินที่ว่านี้ ถูกสลักภาพของสัตว์หลากหลายชนิดเอาไว้แบบทับกัน โดยที่ภาพของม้าเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ชัดที่สุด ในขณะที่สัตว์ขนาดเล็กอีกสองตัวที่น่าจะเป็นกวางและวัวป่าออรอช สามารถเห็นได้ลางๆ อีกที ภาพที่ถูกสลักไว้บนหินเหล่านี้นับว่ามีรายละเอียดค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับภาพสลักบนหินอื่นๆ ที่เราเคยเห็น อย่างไรก็ตามสัตว์ที่เห็นในภาพส่วนมากจะอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์โดยขาดส่วนหัวไป จากการที่หินอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ โดยในพื้นที่ใกล้ๆ กับแผ่นหินชิ้นนี้ ทีมนักโบราณคดียังเคยค้นพบเตาผิงอย่างง่ายจา

ชี้รอยเลือดบน ผ้าห่อพระศพแห่งตูรินเป็นของปลอม

รูปภาพ
ผู้คนนับล้านพากันมาชมผ้าห่อพระศพแห่งตูริน ซึ่งวิหารเซนต์จอห์นเดอะแบปทิสต์ในอิตาลีนำออกแสดงอีกครั้งเมื่อปี 2015 ผลวิเคราะห์รูปแบบของรอยเปื้อนเลือดบน "ผ้าห่อพระศพแห่งตูริน" (Shroud of Turin) ซึ่งศาสนจักรโรมันคาทอลิกเชื่อว่าเป็นผ้าห่อพระศพของพระเยซูคริสต์ บ่งบอกชัดว่าไม่ใช่รอยเลือดที่เกิดจากศพนอนราบเหนือผืนผ้าอย่างแน่นอน ผลวิจัยล่าสุดซึ่งจัดทำโดยดร.มัตเตโอ บอร์รินี นักมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลจอห์นมัวร์สของสหราชอาณาจักร และดร. ลุยจิ การ์ลาสเชลลี หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อกล่าวอ้างที่เป็นวิทยาศาสตร์เทียมของอิตาลี ชี้ว่ารอยเลือดบนผ้าลินินหลายจุดไม่มีความสอดคล้องกันตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ บางรอยจะเกิดขึ้นในกรณีที่จับศพยืนตัวตรง หรือไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้ในความเป็นจริงเลยด้วยซ้ำ มีการตีพิมพ์ผลวิเคราะห์ดังกล่าวในวารสารนิติวิทยาศาสตร์ (Journal of Forensic Sciences) โดยระบุว่าได้ทดลองสร้างรอยเปื้อนเลือดบนผืนผ้าโดยใช้ทั้งคนจริงและหุ่นจำลอง ส่วนเลือดนั้นใช้ทั้งเลือดจริงของมนุษย์ที่ได้รับบริจาคมาและเลือดสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติของไหลเหมือนกับเลือดคน นักวิจัย

นักวิจัยพบว่านกแก้วโบราณในนิวซีแลนด์มีความสูงถึง 1 เมตร หนัก 7 กก.

รูปภาพ
นักบรรพชีวินวิทยาพบฟอสซิลของนกแก้วโบราณทางใต้ของนิวซีแลนด์ ผลการศึกษาล่าสุดพบว่า นกแก้วยักษ์อาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์ราว 19 ล้านปีก่อน สูงประมาณ 1 เมตร หรือเกินครึ่งหนึ่งของความสูงเฉลี่ยของคนทั่วไป ซากของนกแก้วถูกพบใกล้กับ เซนต์บาทานส์ ในภูมิภาคโอทาโก ทางใต้ของนิวซีแลนด์ เมื่อพิจารณาจากขนาดของมันแล้ว คาดว่า นกแก้วโบราณนี้บินไม่ได้ และเป็นสัตว์กินเนื้อ ต่างจากนกส่วนใหญ่ในปัจจุบัน การศึกษาเกี่ยวกับนกแก้วนี้ ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Biology Letters เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มันมีน้ำหนักตัวราว 7 กิโลกรัม ซึ่งหนักกว่า กากาโป (kākāpo) นกแก้วที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อนหน้านี้ ศาสตราจารย์เทรเวอร์ เวอร์ที นักบรรพชีวินวิทยาที่มหาวิทยาลัยฟลินเดอส์ (Flinders University) ในออสเตรเลีย และหัวหน้าคณะผู้ทำการศึกษาเรื่องนี้ กล่าวกับบีบีซีว่า "ไม่มีนกแก้วยักษ์พันธุ์อื่น ๆ ในโลกแล้ว การพบนกแก้วยักษ์จึงเป็นเรื่องสำคัญ" บรรดานักบรรพชีวินวิทยา (ผู้ศึกษาลักษณะรูปร่าง ความเป็นอยู่ และวิวัฒนาการของสัตว์และพืชในธรณีกาล) ขนานนามนกแก้วสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบนี้ว่า เฮราเคิลส์ (Heracles

เปิดตำนาน จูร์ แกรนโด แวมไพร์ตนแรกที่ถูกบันทึกบนหน้าประวัติศาสตร์

รูปภาพ
ใครว่าผีดิบไม่มีจริง!? เปิดตำนาน ‘จูร์ แกรนโด’ แวมไพร์ตนแรกที่ถูกบันทึกบนหน้าประวัติศาสตร์! จูร์ แกรนโด เป็นชาวนาที่อาศัยอยู่ในมณฑลอิสเทรีย (โครเอเชียในปัจจุบัน) ผู้ได้รับการบันทึกว่าเป็นผีดิบดูดเลือดหรือแวมไพร์เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ โดยในขณะนั้นทางการระบุว่าเขาคือสไตรกอน (Strigon) ภาษาท้องถิ่นที่ใช้เรียกชื่อผีดิบดูดเลือด แกรนโดมีชีวิตระหว่างปี 1579-1656 หลังจากเขาเสียชีวิตไป 16 ปี ชาวบ้านได้อ้างว่าพบเห็นเขาฟื้นจากความตายและออกตระเวนหลอกหลอนผู้คนด้วยการเที่ยวไปเคาะประตูบ้านในยามค่ำคืน และบ้านไหนที่ถูกแกรนโดเคาะประตู บ้านหลังนั้นจะมีคนเสียชีวิต นอกจากนี้แกรนโดยังแวะเวียนไปหาภรรยาหม้ายของตน เพื่อมีเพศสัมพันธ์และบังคับให้เธอทำหน้าที่ภรรยาเหมือนสมัยที่เขายังมีชีวิต ในปี 1672 มีชายหนุ่ม 9 คนในหมู่บ้านทนไม่ไหวกับการถูกคุกคามโดยแกรนโด พวกเขาจึงเดินทางไปขุดเอาโลงศพของแกรนโดขึ้นมา เมื่อพวกเขาเปิดฝาโลงออก ก็พบว่าร่างของแกรนโดยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนกำลังนอนหลับ แถมยังนอนยิ้มอีกด้วย ชาวบ้านจึงทำการตอกลิ่มที่กลางอกของแกรนโด แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะลิ่มเจาะไม่เข้า จนต

ภาพถ่ายปริศนางูไททันโอโบอา

รูปภาพ
ภาพถ่ายปริศนา!  งูไททันโอโบอา  งูโบราณที่ใหญ่และยาวที่สุด ในโลก สูญพันธุ์ไปนานแล้วหรือมันจะยังคงอยู่? เรื่องราวของงูลึกลับขนาดใหญ่ ที่ถูกถ่ายภาพได้โดยนายทหารคนหนึ่ง ซึ่งหลายคนเชื่อว่า เจ้างูลึกลับที่ว่านี้ พวกมันยังไม่สูญพันธุ์ไปไหน หากแต่พวกมันยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่งในโลกใบนี้ เมื่อปี 1959 นายทหารชาวเบลเยียม นามว่า นาวาอากาศเอก เรมี แวน ลีเอิร์ด (Remy Van Lierden) ผู้บัญชาการฐานทัพอากาศ ณ เมืองคามินา ประเทศคองโก ในขณะที่นายทหารผู้นี้กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ในเขต Katanga ที่ความสูง 150 เมตรอยู่นั้น เขามองเห็นงูตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งกำลังโผล่ออกมาจากรูและพยายามที่จะโจมตีเฮลิคอปเตอร์เมื่อบินเข้าใกล้ เขาจึงถ่ายภาพมันเอาไว้ เจ้างูตัวนี้ลำตัวของมันมีสีน้ำตาลอมเขียว หน้าท้องสีขาว มีขนาดความยาวกว่า 15 เมตร หัวของมันกว้าง 60 เซนติเมตร และมีขากรรไกรยาวถึง 90 เซนติเมตร ซึ่งขนาดของมันใหญ่พอที่จะโอบรถบัสได้ทั้งคันเลยทีเดียว ไม่มีใครทราบว่า เจ้างูยักษ์ตัวนี้คืองูสายพันธุ์ใด เพราะนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีใครพบงูที่มีขนาดใหญ่ยักษ์แบบนี้อีกเลย บางคนเชื

Giant isopod สิ่งมีชีวิตอาศัยในท้องทะเลลึกเกือบ 1 กิโลเมตร

รูปภาพ
Giant isopod เป็นสายพันธุ์ไอโซพอดสัตว์จำพวกครัสเตเชียนกลุ่มหนึ่ง ถือเป็นสัตว์ทะเลน้ำลึกอาศัยอยู่ที่มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย สามารถพบได้ในท้องทะเลลึกตั้งแต่ 170 เมตร ไปจนถึง 2,140 เมตร ตัวของมันมีขนาด 19-36 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 1.7 กิโลกรัม โดยทั่วไปแล้วจะกินเนื้อเป็นอาหาร ซากปลาที่ตายแล้ว และสัตว์ที่เคลื่อนไหวช้าๆ ในท้องทะเลลึก ไอโซพอด (Isopod) เป็นสัตว์จำพวกครัสเตเชียนกลุ่มที่มีความหลากหลายมากที่สุดชนิดหนึ่ง จัดว่าเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่พบฟอสซิลตั้งแต่ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส  อยู่ในช่วง 354 – 295 ล้านปีก่อน เป็นยุคของป่าเฟินขนาดยักษ์ปกคลุมห้วย หนอง คลองบึง ซึ่งกลายเป็นแหล่งน้ำมันดิบที่สำคัญในปัจจุบัน มีการแพร่พันธุ์ของแมลง และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

นี่อาจเป็นจดหมายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

รูปภาพ
นี่อาจเป็นจดหมายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก Tonya Illman เดินอยู่ริมชายหาดบนเกาะ Wedge Island รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย เธอได้พบกับขวดโหลแปลกๆ ใบหนึ่งฝังอยู่ในหาดทราย จึงลองเก็บขึ้นมาดูปรากฎว่าในขวดใบแปลกนี้มีกระดาษม้วนอยู่ภายใน เมื่อเธอเปิดมาดูพบว่ามีกระดาษใบหนึ่งภายในเขียนข้อความเป็นภาษาเยอรมัน ในกระดาษใบนั้นได้เขียนวันที่ไว้เมื่อ 12 มิถุนายน 1886 จากนั้นเธอนำกระดาษและขวดนี้ไปให้ทาง Western Australian Museum เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นขวดโบราณจริง ย้อนไปในช่วงปี 1864 -1933 ทางเยอรมัน ได้สำรวจกระแสน้ำโดยให้เรือเยอรมันหลายลำทิ้งข้อความในขวดโหลนี้ลงกลางทะเล ในกระดาษเป็นแบบฟอร์มที่ให้กัปตันเรือกรอกพิกัดที่ลอยลำ รายละเอียดเส้นทางเดินเรือ และวันที่ทิ้งขวดโหลลงน้ำ โดยได้เขียนลงในกระดาษว่าหากใครที่พบขวดโหลนี้ให้ส่งกลับศูนย์สังเกตการณ์ทางทะเล หรือ กงศุลที่ใกล้ที่สุด คาดว่าขวดใบนี้ถูกทิ้งห่างจากชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียประมาณ 950 กิโลเมตร จากการสำรวจได้มีผู้เก็บขวดโหลส่งกลับมาถึง 662 รายด้วยกัน โดยมีรายงานการพบขวดการ

นักวิทยาศาสตร์อียิปต์ ปรับแต่งซากฟอสซิลไดโนเสาร์ที่มีอายุประมาณ 80 ล้านปี

รูปภาพ
อียิปต์ พบซากฟอสซิลไดโนเสาร์ อายุ80ล้านปี นักวิทยาศาสตร์อียิปต์ ปรับแต่งซากฟอสซิลไดโนเสาร์ที่มีอายุประมาณ 80 ล้านปี ที่ค้นพบใหม่ในทะเลทรายซาฮาราของอียิปต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  คณะนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมานซูรา ของอียิปต์ กำลังขุดและปรับแต่งซากฟอสซิลของไดโนเสาร์อายุประมาณ 80 ล้านปีอย่างตั้งอกตั้งใจ ซึ่งถูกค้นพบในโอเอซิส ทะเลทรายซาฮารา ของอียิปต์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนเคลื่อนย้ายไปวิจัยต่อในห้องทดลอง โดยการค้นพบดังกล่าวของกลุ่มบรรพชีวินวิทยา ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์ จากมหาวิทยาลัยมานซูรา จะช่วยไขปริศนาช่วงเวลาอันเป็นปริศนาลึกลับในประวัติศาสตร์ไดโนเสาร์ในแอฟริกา ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบชิ้นส่วนของกะโหลกศีรษะ, ขากรรไกร, คอและกระดูกสันหลัง, ซี่โครง, ไหล่และเท้าหน้า, เท้าหลังและกระดูกอ่อนของไดโนเสาร์คอยาว, สี่ขา, ขนาดลำตัวเท่ารถบัสโรงเรียน นายเฮชาม ซัลลาม นักบรรพชีวิตวิทยา ซึ่งเป็นผู้นำในการศึกษาครั้งนี้ กล่าวว่า คณะนักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานในการค้นหาชิ้นส่วนที่เหลือของไดโนเสาร์ตัวนี้  นักวิจัย กล่าวว่า ไดโนเสาร์กินพืช ยุคครีเตเซียส ซึ่งมีช

ภาพถ่ายปริศนางูไททันโอโบอา

รูปภาพ
ภาพถ่ายปริศนา!งูไททันโอโบอา  งูโบราณที่ใหญ่และยาวที่สุดในโลก สูญพันธุ์ไปนานแล้วหรือมันจะยังคงอยู่? เรื่องราวของงูลึกลับขนาดใหญ่ ที่ถูกถ่ายภาพได้โดยนายทหารคนหนึ่ง ซึ่งหลายคนเชื่อว่า เจ้างูลึกลับที่ว่านี้ พวกมันยังไม่สูญพันธุ์ไปไหน หากแต่พวกมันยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่งในโลกใบนี้ เมื่อปี 1959 นายทหารชาวเบลเยียม นามว่า นาวาอากาศเอก เรมี แวน ลีเอิร์ด (Remy Van Lierden) ผู้บัญชาการฐานทัพอากาศ ณ เมืองคามินา ประเทศคองโก ในขณะที่นายทหารผู้นี้กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ในเขต Katanga ที่ความสูง 150 เมตรอยู่นั้น เขามองเห็นงูตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งกำลังโผล่ออกมาจากรูและพยายามที่จะโจมตีเฮลิคอปเตอร์เมื่อบินเข้าใกล้ เขาจึงถ่ายภาพมันเอาไว้ เจ้างูตัวนี้ลำตัวของมันมีสีน้ำตาลอมเขียว หน้าท้องสีขาว มีขนาดความยาวกว่า 15 เมตร หัวของมันกว้าง 60 เซนติเมตร และมีขากรรไกรยาวถึง 90 เซนติเมตร ซึ่งขนาดของมันใหญ่พอที่จะโอบรถบัสได้ทั้งคันเลยทีเดียว ไม่มีใครทราบว่า เจ้างูยักษ์ตัวนี้คืองูสายพันธุ์ใด เพราะนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีใครพบงูที่มีขนาดใหญ่ยักษ์แบบนี้อีกเล