บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ธันวาคม, 2020

Aogashima ภูเขาไฟในภูเขาไฟ

รูปภาพ
Aogashima เป็นเกาะภูเขาไฟขนาดเล็กของโตเกียว ตั้งอยู่ห่างจากเมืองประมาณ 358 กิโลเมตร เป็นเกาะที่อยู่ทางใต้สุดและเป็นเกาะที่โดดเดี่ยวที่สุดในหมู่เกาะอิซุ เกาะแห่งนี้เป็นปล่องภูเขาไฟขนาดยักษ์ที่ภายในปล่องภูเขาไฟ ก็มีภูเขาไฟขนาดเล็กอีกลูกหนึ่งตั้งอยู่ด้วย ภูเขาไฟแห่งนี้ยังถือว่าเป็นภูเขาไฟระดับ C ที่มีโอกาสที่จะปะทุขึ้นมาอีก โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปีค.ศ. 1780 และคร่าชีวิตประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของเกาะ และบังคับให้ชาวเมืองที่เหลือต้องย้ายหนีไป จนกระทั่งอีก 50 ปีต่อมาจึงเริ่มมีประชาชนกลับมาที่เกาะ ซึ่งในปัจจุบันมีชาวบ้านผู้กล้าหาญอาศัยอยู่บนเกาะประมาณ 200 คน  Aogashima เป็นภูเขาไฟใต้น้ำที่โผล่ออกขึ้นจากทะเล และเป็นส่วนหนึ่งของปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่มีความสูงของขอบด้านนอกตั้งแต่ 200-420 เมตร เป็นที่เชื่อกันว่าเกาะแห่งนี้เกิดขึ้นจากเศษซากที่ทับซ้อนกันของหลุมปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ใต้น้ำอย่างน้อยสี่แห่ง “Otonbu” เป็นจุดสูงสุดของขอบปล่องภูเขาไฟด้านนอก มีความสูง 432 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเป็นจุดที่สูงที่สุดในเกาะ ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาไฟทั้งหมดในมหาสมุทรแปซิฟิกได้

ผืนโลกเตรียมย้อนเวลา กลับไปเป็นมหาทวีปเหมือน "แพนเจีย" ในอีก 200 ล้านปีข้างหน้า

รูปภาพ
ผืนโลกเตรียมย้อนเวลา กลับไปเป็นมหาทวีปเหมือน "แพนเจีย" ในอีก 200 ล้านปีข้างหน้า ลูกโลกในเงามืดอวกาศที่มาของ ในยุคดึกดำบรรพ์เมื่อกว่า 1.6 พันล้านปีที่แล้วถึงราว 300 ล้านปีก่อน แผ่นดินโลกเคยรวมตัวกันเป็นผืนเดียวหรือ "มหาทวีป" (supercontinent) มาแล้วหลายครั้ง ก่อนจะแตกแยกออกเป็นทวีปย่อยและกลับรวมเข้าด้วยกันอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งในอนาคตอีกอย่างน้อย 200 ล้านปีนับจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำนายว่าแผ่นดินโลกก็จะรวมตัวเข้าเป็นมหาทวีปเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และโปรตุเกส รายงานผลการศึกษาข้างต้นในงานประชุมประจำปีของสหภาพวิชาการด้านธรณีฟิสิกส์อเมริกัน (AGU) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ศึกษาถึงความเป็นไปได้ของสภาพทางธรณีวิทยาทั่วโลก ซึ่งจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในอนาคตอันห่างไกลระดับหลายร้อยล้านปี ผลการศึกษาพบว่า มีแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้อยู่สองแบบ โดยแบบแรกคือแผ่นดินโลกเกือบทั้งหมดถูกผลักให้ขึ้นไปรวมกันอยู่รอบขั้วโลกเหนือ เว้นแต่ทวีปแอนตาร์กติกาที่จะยังคงอยู่ในซีกโลกใต้ ซึ่งสภาพการณ์ดัง

โลกเข้าสู่ช่วงอายุใหม่ “เมฆาลายัน” ตั้งแต่ 4,200 ปีก่อน

รูปภาพ
ภาพถ่ายโลกที่บันทึกด้วยกล้องชนิดพิเศษของนาซาเมื่อปี 2015ที่มาของ ภาพถ่ายโลกที่บันทึกด้วยกล้องชนิดพิเศษของนาซาเมื่อปี 2015 โดยถ่ายจากดาวเทียมสังเกตการณ์ภูมิอากาศในห้วงอวกาศลึก (DSCOVR) คณะกรรมการว่าด้วยศาสตร์การลำดับชั้นหินระหว่างประเทศ (ICS) ประกาศให้ช่วงเวลา 4,200 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงอายุ (Age) ใหม่ทางธรณีวิทยาของโลก ซึ่งเรียกว่าช่วงอายุเมฆาลายัน (Meghalayan Age) โดยช่วงเวลานี้เกิดภัยแล้งครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่ออารยธรรมทั่วโลกตั้งแต่อียิปต์ไปจนถึงแผ่นดินจีน ช่วงอายุทางธรณีวิทยาใหม่ดังกล่าว จะทำให้ตารางธรณีกาล (Chronostratigraphic Chart) ถูกปรับเปลี่ยน โดยแบ่งสมัยโฮโลซีน (Holocene Epoch) ซึ่งเป็นช่วงเวลาตั้งแต่ 11,700 ปีก่อนถึงยุคปัจจุบัน ให้แยกออกเป็น 3 ช่วงอายุย่อย โดยมีช่วงอายุเมฆาลายันรวมอยู่ด้วย เหตุที่ต้องมีการกำหนดช่วงอายุทางธรณีวิทยาใหม่ขึ้นครั้งนี้ เนื่องจากพบหลักฐานทางเคมีในหินงอกหินย้อยของถ้ำแห่งหนึ่งในรัฐเมฆาลัยของอินเดีย ซึ่งชี้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลกในช่วงเวลาดังกล่าว โดยการเปลี่ยนแปลงของไอโซโทปออกซิเจนในหินงอกหินย้อยเผย

พบฟอสซิลตัวอ่อนในครรภ์ของ Dinocephalosaurus สัตว์เลื้อยคลานทะเลคอยาว

รูปภาพ
พบซากฟอสซิลตัวอ่อนในครรภ์ของสัตว์ดึกดำบรรพ์ Dinocephalosaurus ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานทะเลคอยาวที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 245 ล้านปีก่อน ที่มณฑลยูนนานทางตอนใต้ของจีน โดยฟอสซิลนี้เป็นหลักฐานชิ้นแรกที่ชี้ให้เห็นว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังกลุ่ม Archosauromorpha ซึ่งรวมถึงจระเข้ นก และไดโนเสาร์ ซึ่งตามปกติออกลูกเป็นไข่ สามารถออกลูกเป็นตัวได้เช่นกัน มีการเผยแพร่รายละเอียดการค้นพบนี้ลงในวารสาร Nature Communications โดยศาสตราจารย์จุน หลิว นักบรรพชีวินวิทยาชาวจีนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเหอเฟย ผู้นำการศึกษาซากฟอสซิลนี้ระบุว่า ฟอสซิลตัวอ่อนดังกล่าวอยู่ภายในแผงกระดูกซี่โครงของตัวแม่ที่คาดว่ามีขนาดลำตัว 3-4 เมตร แต่มีความยาวของคอถึง 1.7 เมตร ฟอสซิลตัวอ่อนหงายลำตัวด้านหน้าขึ้น ต่างจากฟอสซิลสัตว์เล็กที่ถูกกลืนกินซึ่งจะคว่ำหน้าลง ฟอสซิลตัวอ่อนหงายลำตัวด้านหน้าขึ้น ต่างจากฟอสซิลสัตว์เล็กที่ถูกกลืนกินซึ่งจะคว่ำหน้าลง นักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาซากฟอสซิลดังกล่าวยืนยันว่า ฟอสซิลตัวอ่อนที่พบไม่ใช่ซากสัตว์เล็กที่สัตว์เลื้อยคลานทะเลตัวนี้กินเข้าไปก่อนตายอย่างแน่นอน เพราะฟอสซิลตัวอ่อนจะมีลักษณะหงายลำตัวด้านหน้าขึ้น แต

ยืนยันแล้วมัมมี่เอเลี่ยน 3 นิ้วไม่ใช่มนุษย์

รูปภาพ
ก่อนหน้านี้พวกเรา  เคยนำเสนอเรื่อง “ปริศนา ‘ภาพวาดโบราณ’ ที่ใช้สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว” ของประเทศเปรูไปแล้ว แต่ความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวของที่นี่ยังไม่จบสิ้นแต่เพียงเท่านั้น เพราะเมื่อปีค.ศ.2017 ก็มีรายงานว่าพบมัมมี่รูปร่างคล้ายมนุษย์ในประเทศดังกล่าวด้วย ทว่ามัมมี่ร่างนี้กลับมีบางส่วนที่ดูผิดมนุษย์ นั่นคือทั้งมือและเท้าของมันมีนิ้วงอกยาวออกมาเพียงแค่ 3 นิ้วเท่านั้น! แถมผู้เชี่ยวชาญจากรัสเซียยังยืนยันแล้วว่านี่ไม่ใช่ศพของมนุษย์อย่างเราๆ แน่นอน!! ซากศพมัมมี่ 3 นิ้วนี้พบอยู่ในสุสานแห่งหนึ่ง ไม่ห่างจากภูเขาที่มี “สายเส้นนาซก้า” (Nazca Lines) มากนัก ไม่มีใครรู้ว่ามัมมี่ร่างนี้เป็นใคร มาจากไหน แต่ผู้ค้นพบก็ตั้งชื่อให้เธอว่า “มาเรีย” (Maria) ซึ่งไม่ไกลจากร่างของเธอก็ยังมีมัมมี่ทารกอายุเพียงแค่ 9 เดือนถูกฝังอยู่ด้วย ทำให้หลายคนเชื่อว่ามัมมี่สองร่างนี้น่าจะเป็นแม่ลูกกัน โดยพวกเขาได้ตั้งชื่อให้มัมมี่ทารกว่า “น้องวาวิตา” (Vavita) จากการตรวจสอบพบว่ามัมมี่ทั้งสองมีอายุมากกว่า 6,500 ปีแล้ว จึงมีข่าวลือว่าหลังจากที่ชาวนาซก้าพยายามติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวผ่านภาพวาดขนาดยักษ์ มนุษย์ต่างดาวก็ได้มา

ชี้มนุษย์โบราณ โฮโม นาเลดี มีความฉลาดสูงแม้สมองเล็กเท่าผลส้ม

รูปภาพ
ศ. ลี เบอร์เกอร์ ผู้นำทีมสำรวจที่ค้นพบฟอสซิลของโฮโม นาเลดี ในงานแถลงข่าวของนิตยสาร National Geographic เมื่อปี 2015 👉 ผลการศึกษาลักษณะของสมองจากร่องรอยที่ปรากฏบนกะโหลกศีรษะมนุษย์โบราณ "โฮโม นาเลดี" (Homo naledi) พบว่ามนุษย์ดึกดำบรรพ์สายพันธุ์นี้มีโครงสร้างของสมองที่ซับซ้อน บ่งบอกถึงระดับสติปัญญาที่อาจจะเข้าขั้นทัดเทียมกับมนุษย์ในยุคปัจจุบัน แม้สมองจะมีขนาดเล็กราวผลส้มเท่านั้น ศ. ลี เบอร์เกอร์ จากมหาวิทยาลัยวิตวอเทอร์สแรนด์ของแอฟริกาใต้ ผู้นำทีมสำรวจซึ่งค้นพบฟอสซิลโครงกระดูกของโฮโม นาเลดีเมื่อปี 2015 ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาเพิ่มเติมล่าสุดลงในวารสาร PNAS โดยระบุถึงหลักฐานใหม่ซึ่งชี้ว่า ขนาดของสมองอาจไม่ได้เป็นสิ่งบ่งบอกถึงวิวัฒนาการทางสติปัญญาในมนุษย์ตามที่เคยเชื่อกันมาก็เป็นได้ ภาพมนุษย์โบราณ โฮโม นาเลดี จากฝีมือของศิลปิน มีการสแกนฟอสซิลกะโหลกศีรษะของโฮโม นาเลดี และใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประกอบชิ้นส่วนกะโหลกที่แยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขึ้นมาใหม่ให้สมบูรณ์ ทำให้เห็นร่องรอยที่ชี้ว่า มนุษย์โบราณสายพันธุ์นี้มีรอยหยักของสมองที่ซับซ้อนในหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงสมองส่วนที่เชื่อ

นักท่องเที่ยวอ้างเห็นกับตา! ผู้ย้ายแท่งเหล็กปริศนาในทะเลทรายรัฐยูทาห์

รูปภาพ
นักท่องเที่ยวอ้างเห็นกับตา! ผู้ย้ายแท่งเหล็กปริศนาในทะเลทรายรัฐยูทาห์  สำนักข่าว The Associated Press รายงานว่า แท่งเหล็กสเตนเลสปริศนาขนาดใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ ปรากฎตัวที่ทะเลทรายในรัฐยูทาห์ของสหรัฐฯ หายไปอย่างไร้ร่องรอย ในขณะที่ผู้คนพยายามหาเบาะแสว่า แท่งเหล็กนี้จะไปโผล่ที่ส่วนไหนของโลกเป็นสถานที่ต่อไป โรเบิร์ต เบอร์นาร์ดส ช่างภาพจากรัฐโคโลราโด บอกกับสถานีโทรทัศน์ KSTU-TV ว่า เขาเห็นกลุ่มคนสี่คนผลักแท่งเหล็กดังกล่าวล้มลงเมื่อคืนวันศุกร์ ก่อนจะแยกชิ้นส่วนแท่งเหล็กใส่รถเข็น และพูดว่า “เราต้องไม่ทิ้งหลักฐานไว้” ก่อนเดินทางจากไป สำนักงานผู้รักษากฎหมายเขตปกครองซานฮวน เคาท์ตี้ ในรัฐยูทาห์ ระบุว่าไม่มีแผนสืบสวนหาสาเหตุการสูญหายของแท่งเหล็กปริศนาที่ถูกนำมาติดตั้งบนพื้นที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม ทางการยูทาห์ระบุว่าจะรับฟังข้อสังเกตจากผู้ที่เดินทางไปดูแท่งเหล็กนี้ด้วยตนเอง สำนักงานจัดการที่ดินซึ่งดูแลพื้นที่ ที่แท่งเหล็กดังกล่าวเคยปรากฎอยู่ ระบุว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาดูแท่งเหล็กหลายร้อยคนทิ้งขยะบนพื้นที่ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และมีการจอดรถบนพื้นที่เพาะปลูกด้วย ทั้งนี้ แท่ง

อุกกาบาตถล่มโลกทำลายล้างไดโนเสาร์ ตกลงในจุดสังหารพอดิบพอดี

รูปภาพ
อุกกาบาตทำลายล้างไดโนเสาร์ ตกลงในจุดสังหารพอดิบพอดี ในโลกยุคโบราณ บริเวณคาบสมุทรยูกาตัง ของเม็กซิโก คือจุดเลวร้ายที่สุดหากอุกกาบาตดันตกลงมา หลักฐานดังกล่าวถูกแสดงให้เห็นแล้วผ่านเหตุการณ์สูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อ 66 ล้านปีก่อน หลังอุกกาบาตความกว้าง 12 กิโลเมตรพุ่งเข้าชนกับโลก จนปรากฏเป็นหลุมอุกกาบาตชีคซูหลุบบริเวณเมืองท่าของเม็กซิโกในปัจจุบัน ผลกระทบจากเหตุการณ์นั้นส่งผลให้อาณาจักรของไดโนเสาร์ที่ครองโลกมานานต้องถึงกาลอวสาน ประมาณการณ์ว่าสิ่งมีชีวิตราว 3 ใน 4 จากทั้งหมดบนโลกสูญพันธุ์ไปจากอุกกาบาตลูกนั้น จากการศึกษาระบุว่า การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่เป็นผลมาจากเขม่าควันจากการพุ่งชนที่ลอยขึ้นปกคลุมชั้นบรรยากาศ จนทำให้อุณหภูมิของโลกเย็นลง ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิในตอนนั้นอยู่ที่ -10 ถึง -7.8 องศาเซลเซียส ลดลงจากเดิมที่ -7.8 ถึง -1.7 องศาเซลเซียส ทั่วพื้นผิวโลกมีเพียง 13% เท่านั้นที่เป็นผืนดิน นั่นหมายความว่าหากอุกกาบาตลูกนั้นตกห่างไปจากจุดเดิม ไดโนเสาร์อาจไม่ล้มหายตายจากไปหมดก็ได้ “ความน่าสนใจก็คือในรายงานระบุว่า ต่อให้อุกกาบาตมีขนาดใหญ่กว่านี้ ผลกระทบจากการทำลายล้างก็อาจไม่รุนแรงเ

โลหะปริศนาโผล่บนภูเขาในโรมาเนีย หลังหายไปจากทะเลทรายในสหรัฐฯ

รูปภาพ
โลหะปริศนาโผล่บนภูเขาในโรมาเนีย หลังหายไปจากทะเลทรายในสหรัฐฯ ทั่วโลกยังไร้คำอธิบาย เสาโลหะปริศนาโผล่เนินเขาในโรมาเนีย เพียงหนึ่งวันหลังจากเสาโลหะคล้ายกันนี้ซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลทรายในสหรัฐฯแล้วจู่ๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วข้ามคืน เมื่อวันที่ 30 พ.ย. เว็บไซต์ข่าว Daily Mail รายงานว่ามีคนไปพบเสาโลหะปริศนา อยู่ที่บริเวณเนินเขา Batca Doamnei ในเมืองเปียทรา เนียมต์ ทางตอนเหนือของโรมาเนีย เพียง 1 วันหลังจากที่เสาโลหะปริศนาที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ตั้งอยู่กลางทะเลทรายในรัฐยูทาห์ ของสหรัฐ ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วข้ามคืน โดยเสาโลหะปริศนาลักษณะเป็นแท่ง 3 เหลี่ยมในโรมาเนีย มีความสูงเกือบ 4 เมตร เหลี่ยมด้านหนึ่งหันไปทางเทือกเขาเชอห์เลา หรือเทือกเขาสักดิ์สิทธิ์ของโรมาเนีย ใกล้กับป้อมโบราณเปโตรดาวา ดาเชียน ที่สร้างขึ้นในช่วงอารยธรรมชาวเดเชียน ระหว่างช่วง 82 ปีก่อนคริสตกาล จนถึง ปีค.ศ.106  จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำอธิบายว่าเสาโลหะที่รัฐยูทาห์ และที่โรมาเนียมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ การปรากฏขึ้นของเสาโลหะนี้มีความหมายอย่างไร และเสาไปโผล่ หรือหายไปจากจุดที่มันตั้งอยู่ได้อย่างไร.