บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2020

แม่หงส์ที่ล่าสุดตรอมใจตายหลังวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง เอาอิฐมาปาใส่แค่ไข่ของเธอ

รูปภาพ
ค้นหา Custom Search ครอบครัวใคร ใครก็รัก ไม่แม้แต่แม่หงส์ที่ล่าสุดตรอมใจตายหลังวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งว่างจัด เอาอิฐมาปาใส่แค่ไข่ของเธอ ทำลายชีวิตลูกหงส์ไม่ให้พวกมันมีโอกาสลืมตามาดูโลก อีกทั้งคู่ชีวิตของมันก็ได้หนีไปอีกด้วยความเครียดที่ลูกตาย  เรื่องนี้เกิดขึ้นวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่เมือง Bolton  มณฑล Greater Manchester มีกลุ่มวัยรุ่นชายกลุ่มหนึ่ง ขว้างปาหินและอิฐด้วยความคึกคะนองใส่ไข่หงส์ที่อยู่ในรังริมคลอง Manchester ในสวน Keasley  เมื่อต้นสัปดาห์ แหล่งข่าว Manchester Evening News รายงานว่า แม่หงส์ผู้ที่ต้องสูญเสียลูกไปด้วยความสนุกของกลุ่มวัยรุ่นนั้นได้เสียชีวิตลงแล้ว  ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า วัยรุ่นกลุ่มนั้นเล็งไปที่เกาะกลางน้ำที่แม่หงส์ทำรังไว้ฟักไข่ ไข่ 3 จากทั้งหมด 6 ใบถูกทำลายจนแตก  นักเคลื่อนไหวด้านสัตว์ป่าผู้คอยตรวจตราดูหงส์คู่นี้อยู่เรื่อย ๆ กล่าวว่า เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วพ่อหงส์ตัดสินใจจากแม่หงส์ไปและไม่กลับมาอีกเลย คาดว่าอาจเพราะความเครียดเรื่องไข่ที่แตก  และเคราะห์ร้

นักวิทยาศาสตร์ชี้อาจต้องรออีก 1,500 ปีกว่าโลกเราจะได้รับการติดต่อจาก มนุษย์ต่างดาว

รูปภาพ
นักวิทยาศาสตร์ชี้อาจต้องรออีก 1,500 ปีกว่าโลกเราจะได้รับการติดต่อจาก "มนุษย์ต่างดาว"   ค้นหา Custom Search ระยะเวลาดังกล่าวเป็นเวลาที่สัญญาณจากโลกน่าจะเดินทางถึงครึ่งหนึ่งของดาวในกาแล็กซี่นี้  ความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวยังคงเป็นหัวข้อที่คนจำนวนมากในวงการวิทยาศาสตร์ รอคอยที่จะเห็นหลักฐานที่ยืนยันได้อย่างแท้จริง การรอคอยนี้คงจะยังไม่จบง่ายๆ เพราะนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Cornell ที่สหรัฐฯ บอกว่า อีกประมาณ 1,500 ปี เราอาจได้รับการติดต่อจากมนุษย์ต่างดาว คณะผู้วิจัยอธิบายรายละเอียดที่การประชุมด้านดาราศาสตร์ของสมาคม American Astronomical Society ที่เมือง San Diego เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาใช้สองทฤษฎีมาคำนวณระยะเวลากว่าที่โลกอาจจะได้รับการติดต่อจากเพื่อนร่วมจักรวาล 👉ทั้งสองทฤษฎีนี้ช่วยอธิบายว่า ทำไมการรอคอยนี้จึงอาจยาวนานกว่าหนึ่งพันปี ทฤษฎีแรกชื่อว่า Fermi Paradox ที่กล่าวว่า มีดวงดาวนับพันล้านดวงที่คล้ายโลกในหลายๆ ด้าน แต่ไม่มีการติดต่อใดๆ ที่เราโลกสามารถจับสัญญาณได้ คว

พืชที่ทนทานที่สุดในโลก อายุ 32,000 ปี และอาจอยู่รอดบนดาวอังคาร

รูปภาพ
วิทยาศาสตร์เข้ามาสำรวจว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อความสามารถของเราในการเพิ่มปริมาณอาหาร และบรรดาพืชผลต่าง ๆ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไร แต่อะไรทำให้พืชชนิดหนึ่ง มีโอกาสอยู่รอดได้มากกว่าพืชอีกชนิดหนึ่ง เจมส์ หว่อง นักพฤกษศาสตร์และผู้ดำเนินรายการของบีบีซี ค้นหาคำตอบนี้ และเขาได้ค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าประหลาดใจหลายอย่างเกี่ยวกับพืชที่ทนทานที่สุดในโลกบางชนิด 1. โคลนนิ่งคือกุญแจของการมีอายุยืนยาว Imag คำบรรยายภาพ การโคลน ทำให้ต้นไม้มีอายุยืนยาว ต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่ที่อายุมากที่สุดในโลก คาดว่าเป็นต้นสนบริสเติลโคน (bristlecone pine) ทางตะวันออกของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยถูกระบุว่ามีอายุ 5,062 ปี ในปี 2012 ต้นไม้บางชนิดมีเคล็ดลับในการทำให้พวกมันมีอายุยืนยาวมากขึ้น นั่นก็คือ โคลนนิ่ง พวกมันโคลนตัวเอง และอาศัยอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า อาณาจักรโคลน ซึ่งหมายถึงต้นไม้ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกัน และเชื่อมต่อกันด้วยระบบรากเดียวกัน อาณาจักรโคลนเหล่านี้ อยู่รอดมาได้หลายพันปี อาณาจักรแพนโด (Pando colony) ในรัฐยูทาห์ของสหรัฐฯ ถูกประเมินว่ามีอายุ 80,000 ปี ขณะที่ต้น

Gunung Padang ปิรามิดโบราณลึกลับในอินโดนีเซีย จะทำให้โลกต้องเขียนประวัติศาสตร์ใหม่

รูปภาพ
"Gunung Padang" ปิรามิดโบราณลึกลับในอินโดนีเซีย จะทำให้โลกต้องเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ ค้นหา Custom Search ปิรามิดโบราณแห่งนี้ ได้ถูกค้นพบในปี 1914  แต่ไม่เคยได้รับอนุญาติให้ทำการสำรวจเนื่องจากการเมืองในอินโดนีเซีย ล่าสุด  Dr. Nattawidjaja และทีมสำรวจของเขา  ได้ลอบบี้รัฐบาลจนได้รับการอนุญาติให้เข้าสำรวจสถานที่น่าอัศจรรย์แห่งนี้แล้ว  จากการครวจเช็คธาตุคาร์บอน มันมีอายุถึง 26,000 ปี หรือตั้งแต่ในยุคน้ำแข็ง ขนาดของมันใหญ่กว่าทีอิยิปต์มากเรารอดูความคืบหน้าของการสำรวจนี้กันอารยธรรมโบราณอีกแห่งกำลังได้รับเปิดเผยครับ ปิรามิดแห่ง “Gunung Padang” "Gunung Padang" ที่มา: wikipedia ปิรามิดของอินโดนีเซียอาจเก่าแก่ถึง 20,000 ปี การค้นพบที่จะทำให้มีการเขียนประวัติศาสตร์อารยธรรมมนุษย์ใหม่ทั้งหมด ปิรามิดแห่ง “Gunung Padang” ซึ่งคาดว่ามีอายุมากที่สุดในโลกอยู่ที่อินโดนีเซีย เป็นสิ่งก่อสร้างด้วยหินขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านการ์ยามุขติ จิอันจู้ร ชวาตะวันตก สถานที่นี้ถูก

ดีเอ็นเอเผย กษัตริย์ยุคหินใหม่ของไอร์แลนด์คือทายาทของคู่สมรสที่เป็นพี่น้องกัน

รูปภาพ
คำบรรยายภาพ สุสานนิวเกรนจ์ในไอร์แลนด์ เป็นโบราณสถานยุคหินใหม่ที่เก่าแก่กว่าสโตนเฮนจ์และมหาพีระมิดแห่งกีซาหลายร้อยปี ค้นหา Custom Search 👉ผลวิเคราะห์สารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ ซึ่งได้จากศพของชายที่อยู่ในสุสานนิวเกรนจ์ (Newgrange monument) โบราณสถานอายุเก่าแก่ถึง 5,500 ปีของไอร์แลนด์ ชี้ว่าเขาคือหนึ่งในกษัตริย์หรือชนชั้นปกครองของยุคหินใหม่ ที่เป็นผลผลิตจากธรรมเนียมสมรสกันเองในหมู่เครือญาติ โดยพ่อแม่ของชายผู้นี้เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ผลการศึกษาข้างต้นที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature จัดทำโดยทีมนักวิจัยจากทรินิตีคอลเลจแห่งมหาวิทยาลัยดับลิน (TCD)ของไอร์แลนด์ และสถาบันฟรานซิสคริกของสหราชอาณาจักร โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และถอดรหัสข้อมูลพันธุกรรมทั้งหมดหรือจีโนมของบุคคลยุคโบราณ 44 คน ซึ่งร่างของพวกเขาถูกเก็บไว้ในสุสานหินที่มีอยู่ทั่วประเทศไอร์แลนด์ สุสานนิวเกรนจ์มีอายุเก่าแก่กว่าสโตนเฮนจ์และมหาพีระมิดแห่งกีซาหลายร้อยปี บ่งบอกว่าธรรมเนียมการสมรสในหมู่เครือญาติของชนชั้นสูงมีมาน

เปิดตำนานโค-อิ-นัวร์เป็นเพชรที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอื้อฉาวมากมาย

รูปภาพ
💎โค-อิ-นัวร์เป็นเพชรที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอื้อฉาวมากมาย ตลอดช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมามีผู้ครอบครองผลัดเปลี่ยนหลายมือ ตั้งแต่ หลากเจ้าชายแห่งจักรวรรดิโมกุล หลายขุนศึกของอิหร่าน ผู้ปกครองมากหน้าแห่งอัฟกานิสถาน และมหาราชาหลายพระองค์ในปัญจาบ Custom Search เพชรขนาด 105 กะรัตเม็ดนี้ตกเป็นของจักรวรรดิอังกฤษเมื่อราวกลางศตวรรษที่ 19 และทุกวันนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร ประดับที่ยอดมงกุฏ  ซึ่งจัดแสดงที่ทาวเวอร์ออฟลอนดอน คนอินเดียจำนวนมากเชื่อว่าอังกฤษโจรกรรมเพชรเม็ดนี้มาจากพวกเขา ในหนังสือเรื่องมหากาพย์โค-อิ-นัวร์ ที่เขียนโดย วิลเลียม ดัลริมเปิล กับอนิตา อานันท์ มีตำนานที่น่าสนใจเกี่ยวกับเพชรเม็ดนี้ 6 เรื่องด้วยกัน ตำนานที่ 1 โค-อิ-นัวร์เป็นยอดเพชรของอินเดีย ข้อเท็จจริง ตอนที่เพชรโค-อิ-นัวร์ตกมาถึงมืออังกฤษ เพชรมีขนาด 190.3 กะรัต ยังมีเพชรที่มีขนาดไล่เลี่ยกับโค-อิ-นัวร์อีกอย่างน้อย 2 เม็ด คือดาเรียอินัวร์ ตอนนี้อยู่ในกรุงเตหะราน ประเมินในปัจจุบันมีขนาด 175-

เพชรบันจาร์มาซิน สมบัติล้ำค่าแห่งเกาะบอร์เนียวที่ชาวดัตช์ปล้นไปจากอินโดนีเซีย

รูปภาพ
ค้นหา Custom Search 👉กรุงอัมสเตอร์ดัม เป็นแหล่งการค้าและเจียระไนอัญมณีล้ำค่ามายาวนานหลายร้อยปี หนึ่งในนั้นคือ "เพชรบันจาร์มาซิน" ที่อื้อฉาวและเป็นปมขัดแย้งที่ยาวนานระหว่างเนเธอร์แลนด์กับอดีตดินแดนในอาณานิคมอย่างอินโดนีเซีย เพชร 36 กะรัตเม็ดนี้เคยเป็นของสุลต่านแห่งเมืองบันจาร์มาซิน บนเกาะบอร์เนียว แต่เหตุการณ์ในปี ค.ศ. 1859 ที่ชาวเมืองบันจาร์มาซินได้ลุกฮือขึ้นต่อต้านการยึดครองของชาวดัตช์ ก็ทำให้ผู้ปกครองชาวตะวันตกเหล่านี้ส่งทหารเข้าปราบปราม และทำให้ชาวเมืองถูกสังหารไปจำนวนมาก ผู้ปกครองชาวดัตช์ได้นำของมีค่าต่าง ๆ รวมทั้งเพชรบันจาร์มาซินกลับไปยังเนเธอร์แลนด์ ด้วยหวังว่าจะขายหรือถวายอัญมณีชิ้นนี้แด่พระเจ้าวิลเลิมที่ 3 ทว่าพระองค์ไม่ประสงค์จะครอบครองมัน เนื่องจาก "เพชรที่น่าเกลียดและสกปรก" เม็ดนี้มีค่าใช้จ่ายในการตัดและเจียระไนแพงเกินไป ปัจจุบันเพชรบันจาร์มาซิน ถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ ดร.คาโรลีน ดรีนฮาวไอเซน นักประวัติศาสตร์ชาวดัตช์ ได้ศึกษาค้น