บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ธันวาคม, 2019

แผ่นจารึกของชาวบาบิโลนอายุ 3,700 ปีคือตารางตรีโกณที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

รูปภาพ
นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยนิวเซาเวลล์ (UNSW) ประเทศออสเตรเลีย ค้นพบว่าแผ่นจารึกดินเหนียวเก่าแก่อายุ 3,700 ปีของชาวบาบิโลนที่รู้จักกันดี จริงๆแล้วมันคือตารางตรีโกณมิติยุคโบราณที่มีมาก่อนที่ชาวกรีกจะคิดค้นวิชาตรีโกณมิติเป็นพันปี และเป็นไปได้ว่ามันถูกใช้สำหรับการคำนวณเพื่อก่อสร้างพระราชวัง วิหาร พีระมิดขั้นบันได และคลองในสมัยโบราณ งานวิจัยใหม่นี้ได้แสดงให้เห็นว่าชาวบาบิโลนได้เรียนรู้วิชาตรีโกณมิติในเรื่องเกี่ยวกับสามเหลี่ยมอย่างลึกซึ้งก่อนที่ชาวกรีกจะพัฒนาวิชาตรีโกณมิติขึ้นมากกว่า 1,500 ปี และยังได้เผยให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์สมัยโบราณที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้จนถึงปัจจุบัน แผ่นจารึกดินเหนียวขนาดเล็กนี้มีชื่อว่า Plimpton 322 ถูกค้นพบในช่วงต้นทศวรรษ 1900 ในสถานที่ซึ่งปัจจุบันเป็นบริเวณภาคใต้ของประเทศอิรัก ถูกค้นพบโดย Edgar Banks นักโบราณคดี นักการทูต และผู้ค้าวัตถุโบราณ ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบบุคลิกของพระเอกในภาพยนตร์ชื่อดังก้องโลก Indiana Jones แผ่นจารึกนี้เชื่อว่าถูกเขียนขึ้นเมื่อราว 1800 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีลักษณะเป็นตารางที่มี 4 คอลัมน์และ 15 แถว ในตารางเป็น

OTIS ลิฟต์ตัวแรกของโลก

รูปภาพ
OTIS ลิฟต์ตัวแรกของโลก  ลิฟต์เกิดขึ้นมานานตั้งแต่เมื่อ 300 ปีที่แล้วแต่ลิฟต์ที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะไม่เหมือนในปัจจุบันที่เราเห็นกัน แล้วลิฟต์แบบที่เราใช้ขึ้น-ลงกันทุกวันนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ จริงๆ แล้วลิฟต์มีมาตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาลถ้าพูดชื่อ อาร์คีมีดีส (Akemedis) น่าจะคุ้นๆ กันอยู่ไม่น้อยเขาคือ นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบเรื่องความถ่วงจำเพาะ ที่ได้ไอเดียจากการแช่น้ำในอ่างและร้องว่า "ยูเรก้า! ยูเรก้า! (Eureka! Eureka!)" แต่ผลงานของเขาไม่ได้มีแค่เรื่องนี้ เขาเป็นผู้คิดค้นระบบคานและจุดหมุน ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์กันว่า อาร์คีมีดีส เองน่าจะทำลิฟต์ได้สำเร็จมาตั้งนานแล้วแล้วลิฟต์มีการเริ่มใช้กันมานานหรือยัง จากหลักฐานในยุคศตวรรษที่ 17 พระราชวังแวร์ซายส์ ที่ถูกปรับปรุงอีกครั้งในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งว่ากันว่ามีอุปกรณ์ลักษณะคล้ายลิฟต์แล้ว ต่อมาในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ของฝรั่งเศสจึงได้ให้ชื่อว่า  “Flying Chair” แสดงว่าลิฟต์เริ่มมีใช้มานานแล้ว ถึงเกือบ 400 ปี หลังจากนั้นไม่นานเมื่อได้เข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมจึงทำให้ลิฟต์มีการพัฒนาขึ้นไ

กำเนิด ไพ่ การ์ดที่ฮิตทุกถิ่น แรกเริ่มมาจากไหน

รูปภาพ
กำเนิด “ไพ่” การ์ดที่ฮิตทุกถิ่น แรกเริ่มมาจากไหน และข้อมูลไพ่เก่าแก่ที่สุดในโลก ไพ่พิมพ์ลายฉลุ ไพ่ลักษณะนี้อายุราวปี 1870 รูปคนในไพ่คือตัวละครจากนิยาย 108 ผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน (พิพิธภัณฑ์ไพ่แห่งชาติ ประเทศเบลเยียม / ภาพจากหนังสือ ต้นกำเนิด 100 สิ่งแรกของโลก) เกมการ์ด หรือไพ่ อุปกรณ์แห่ง “เลขคณิต” ในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่เกมที่ได้รับความนิยมในหมู่ชนนักปาร์ตี้ และผู้รักกิจกรรมกลุ่มยามสังสรรค์เท่านั้น แต่เป็นเกมที่ได้รับความนิยมทั่วโลก แต่รู้หรือไม่ว่า ต้นกำเนิดของไพ่ที่แพร่หลายในยุโรปนั้น นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่า เป็นสิ่งของที่มาจากจีน เมื่อพูดถึง “ไพ่” คงไม่สามารถละเลยวัตถุดิบสำคัญของไพ่โบราณได้ แน่นอนว่าต้องเอ่ยถึง “กระดาษ” ก่อน ต้นกำเนิดของกระดาษในความหมายเชิงการรับรู้ของคนทั่วไปมาจากคำว่า “เปเปอร์” (Paper) ซึ่งมีที่มาจากคำว่า “ปาปิรุส” (Papirus) โรเบิร์ต เทมเพิล ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์อธิบายว่า ปาปิรุสที่มีในอียิปต์มานานกว่า 3,000 ปีก่อนคริสตกาลทำมาจากเปลือกชั้นในของปาปิรุส แต่มันแตกต่างจากกระดาษ ซึ่งชาวจีนคิดค้นได้เมื่อ 200 ปีก่อนคริสตกาลเป็นอย

ค้นพบมัมมี่เด็กเผ่าอินคา อายุกว่า 500 ปี

รูปภาพ
ขนลุก! ค้นพบมัมมี่เด็กเผ่าอินคา อายุกว่า 500 ปี แทบไม่เชื่อสายตา เมื่อปี 1999 มีการค้นพบมัมมี่เด็กเผ่าอินคา จำนวน 3 คน อายุกว่า 500 ปี อยู่บริเวณยอดภูเขาไฟ Llullaillaco ในประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งแต่ละคนมีสภาพสมบูรณ์มาก และเชื่อกันว่าเด็กทั้ง 3 ถูกเลือกเป็นเหยื่อบูชายัญอันเป็นพิธีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน บริเวณยอดภูเขาไฟ Llullaillaco เด็กทั้งสามคนนี้ ได้รับการตั้งชื่อแตกต่างกันออกไป คนแรก La doncella หรือ “สาวพรหมจรรย์” อายุ 13 ปี มีอายุมากกว่าอีก 2 คน และสวมเครื่องแต่งกายที่ดูดีกว่า ได้รับอาหารที่ดีกว่า รวมทั้งมีปริมาณการใช้ยาเสพติดและสุรามากกว่าคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งเชื่อกันว่าทำไปเพื่อให้เด็กๆ “ให้ความร่วมมือ” ในพิธีกรรมมากขึ้น และเป็นสิ่งที่แสดงถึงการถูกเลือกเป็นเหยื่อบูชายัญ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าเด็กที่เหลือเพียงแค่ติดตามเธอไปทำพิธีเท่านั้น La doncella หรือ “สาวพรหมจรรย์” คนต่อมา El niño หรือ “เด็กหนุ่ม” อายุ 7 ปี แม้จะมีการใช้ยาเสพติดเพื่อความร่วมมือ แต่สำหรับเด็กคนนนี้กลับจากไปอยากไม่ค่อยสงบนัก เพราะเขาเป็นคนเดียวที่มีร่องรอยของการถูกมัด แถมยังม

แพทย์ทำให้คนไข้เข้าสู่ ภาวะหยุดนิ่ง ที่อุณหภูมิร่างกาย 10-15°C ได้เป็นครั้งแรก

รูปภาพ
วันที่ 23ธันวาคม 2019 สำนักข่าว Science Focus  รายงานว่า นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ (University of Maryland)ประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถทำให้คนไข้เข้าสู่ ‘suspended animation’ เพื่อชะลอหรือหยุดการทำงานทางชีวภาพของร่างกาย ได้เป็นครั้งแรก และพวกเขาหวังว่าเทคนิคนี้จะช่วยให้ศัลยแพทย์ช่วยชีวิตผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เช่น ถูกแทงหรือถูกยิงที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ 👉เทคนิคนี้มีชื่อว่า Emergency Preservation and Resuscitation (EPR) ถูกทดสอบโดยทีมนักวิจัยจาก ‘Shock Trauma Center’ โดยการสูบน้ำเกลือเย็นจัดเข้าไปในร่างกายโดยตรงผ่านเส้นเลือดหัวใจเอออร์ตา (aorta) เพื่อแทนที่เลือดที่เสียไป และทำให้เกิดสภาวะ ‘hypothermic preservation’ ที่อุณหภูมิร่างกายต่ำเหลือเพียง 10-15°C เหมือนกับเป็นการแช่แข็งคนไข้ แล้วค่อยผ่าตัดพวกเขาในขณะที่คนไข้อยู่ในสภาวะ ‘กึ่งตาย’ (หัวใจหยุดเต้น หยุดหายใจ สภาวะร่างกายและการตอบสนองหยุดนิ่ง แต่ยังไม่ตาย) โดยปกติแล้ว แพทย์จะวินิจฉัยว่าคนที่ไม่มีเลือดไปเลี้ยงที่สมองจะตายหรือสมองเสียหายจนไม่อาจย้อนคืนได้ ภายใน 5 นาที แต่ด้วยเทคนิค EPR คนไข้สามารถมีชีวิตต่อไปไ

DNAมนุษย์ในหมากฝรั่งหกพันปี เผยใบหน้า-ผิวพรรณสาวยุคหินตาสีฟ้า

รูปภาพ
👩ศิลปินสร้างภาพเหมือนของ "โลลา" สาวยุคหินขึ้นใหม่ ตามข้อมูลทางพันธุกรรมที่ได้จากหมากฝรั่งโบราณที่เธอเคี้ยว ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก เผยโฉมหน้าของหญิงสาวยุคโบราณผู้หนึ่ง ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงยุคหินใหม่ของภูมิภาคสแกนดิเนเวียเมื่อหลายพันปีก่อน  โดยนักวิทยาศาสตร์ทราบถึงโครงสร้างใบหน้า ผิวพรรณ สีตา และสีผมของเธอได้  จากร่องรอยของดีเอ็นเอที่หลงเหลืออยู่ในเศษหมากฝรั่งที่เธอเคี้ยว ซึ่งมีอายุเก่าแก่เกือบหกพันปี ดร. เฮนส์ ชรูเดอร์ หนึ่งในสมาชิกทีมวิจัยระบุว่า นับเป็นครั้งแรกที่มีการสกัดเอาดีเอ็นเอของมนุษย์โบราณและถอดรหัสพันธุกรรมได้อย่างสมบูรณ์  โดยไม่ต้องใช้สารพันธุกรรมที่มาจากชิ้นส่วนกระดูก ทีมนักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อให้หญิงสาวยุคหินใหม่ผู้นี้ว่า "โลลา" เธอมีผิวคล้ำ ผมสีน้ำตาลเข้ม และมีดวงตาสีฟ้า ข้อมูลพันธุกรรมของโลลาบ่งชี้ว่า เธอมีเชื้อสายใกล้เคียงกับกลุ่มคนโบราณที่ล่าสัตว์และเก็บของป่าเลี้ยงชีวิตบนแผ่นดินใหญ่ของยุโรป มากกว่าพวกที่อยู่ทางตอนกลางของสแกนดิเนเวียในยุคนั้น  โดยบรรพบุรุษของเธออาจอพยพขึ้นเหนือมาจากทางตะวันตกของยุ

อิสราเอลพบ โรงงานน้ำปลายุคโรมัน เก่าแก่ 2,000 ปี

รูปภาพ
👲นักโบราณคดีอิสราเอลค้นพบซากโรงงานน้ำปลาอายุ 2,000 ปีสมัยอาณาจักรโรมัน 👉อิสราเอลพบ  ‘โรงงานน้ำปลา’ ยุคโรมัน เก่าแก่ 2,000 ปี องค์การโบราณวัตถุแห่งอิสราเอล  (Israel Antiquities Authority)  เปิดเผยการค้นพบโรงงานโรมันโบราณ อายุ 2,000 ปี  ซึ่งเคยใช้ผลิตน้ำปลาในอดีต ซอสหมักแบบพิเศษที่มีกลิ่นเหม็นฉุน ชื่อว่าการัม (garum) เป็นเครื่องปรุงรสพื้นฐานในอาหารโรมัน ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นักโบราณคดีระบุว่าการค้นพบโรงงานในอัชเกลอน (Ashkelon) เมืองท่าโบราณของเยรูซาเลม  บ่งชี้ว่าความเป็นโรมันได้แพร่กระจายอยู่ทั่วอาณาจักร และไม่ได้มีเพียงเสื้อผ้า แต่รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคอาหารด้วย นอกจากนี้นักโบราณคดียังพบวัสดุหินอ่อนสำหรับตกแต่ง ชิ้นงานโมเสกหรือกระเบื้องขนาดเล็ก และซากร้านเหยือกดินเผาขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งซื้อขายไวน์เพื่อการส่งออก

นักโบราณคดีญี่ปุ่นก็พบ เส้นนาซคาเพิ่มเติม 142 เส้น ในทะเลทรายประเทศเปรู

รูปภาพ
นักโบราณคดีญี่ปุ่นก็พบ  “เส้นนาซคา” เพิ่มเติม 142 เส้น ในทะเลทรายประเทศเปรู สำหรับหลายๆ คนแล้ว “เส้นนาซคา” ในทะเลทรายแห่งประเทศเปรู คงจะถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่น่าสนใจที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะไม่เพียงแต่ลายเส้นนี้จะนำมาซึ่งคำถามอย่าง คนในสมัยก่อนวาดลายเส้นที่ใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไรเท่านั้น แต่มันยังมักถูกกล่าวถึงเมื่อเราพูดถึงการมีตัวตนอยู่ของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวหรือเอเลี่ยนอีกด้วย ที่ผ่านๆ มา เส้นนาซกาในทะเลทรายที่เปรูได้ถูกค้นพบออกมาแล้วราวๆ 2,000 กว่าเส้น แต่ดูเหมือนว่านี้จะยังไม่ใช่เส้นนาซกาทั้งหมดที่ถูกเขียนไว้ในอดีตแต่อย่างไร เพราะเมื่อล่าสุดนี้เอง ทีมนักสำรวจจากมหาวิทยาลัยยามากาตะของญี่ปุ่นได้ออกมาทำการเปิดเผยว่า พวกเขาได้ทำการพบเส้นนาซกาในทะเลทรายแห่งนี้ เพิ่มขึ้นอีกถึง 142 ภาพแล้ว อ้างอิงจากภายในรายงานของมหาวิทยาลัย  ทีมนักวิทยาศาสตร์ค้นพบเส้นนาซกาชุดใหม่ในทะเลทรายด้วยเทคโนโลยี AI จากบริษัท IBM สาขาญี่ปุ่น  ซึ่งทำการคำนวณรูปร่างดังเดิมของเส้นนาซกาในพื้นที่จากข้อมูลภูมิประเทศ และใช้เวลาในการค้นหาร่วม 15 ปี ตั้งแต่ที่มีการเข้าตรวจสอบพื

มีริต พทาห์แพทย์หญิงคนแรกของโลกจากอียิปต์ยุคโบราณ อาจไม่มีตัวตนจริง

รูปภาพ
บุตรชายของมีริต พทาห์ วาดภาพพ่อและแม่ไว้ในสุสาน ของตนเอง โดยระบุว่าแม่ของเขาเป็น  "หัวหน้าแพทย์หญิง" 👰ตำนานของ "มีริต พทาห์" (Merit Ptah) สตรีชาวอียิปต์โบราณที่เชื่อกันว่าเป็นแพทย์หญิงคนแรกของโลก และเป็นผู้บุกเบิกนำทางให้ผู้หญิงเริ่มเข้าสู่แวดวงวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อราว 5,000 ปีก่อน อาจไม่ใช่เรื่องราวที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ แม้มีริต พทาห์ จะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยปรากฏตัวในสารคดีอารยธรรมโบราณบ่อยครั้ง ไปจนถึงมีบทบาทสำคัญในเกมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ จนชื่อของเธอถูกนำไปตั้งเป็นชื่อแอ่งหลุมแห่งหนึ่งบนดาวศุกร์ แต่ตัวตนของมีริต พทาห์ ก็อาจเพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่ถึง 100 ปีมานี้เอง จากความสับสนของผู้เขียนตำราประวัติศาสตร์บางคน 👮ดร. ยาคุบ เฟียซินสกี นักประวัติศาสตร์การแพทย์จากมหาวิทยาลัยโคโลราโด วิทยาเขตโบลเดอร์ของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ผลการศึกษาล่าสุดของเขาลงในวารสาร Journal of the History of Medicine and Allied Sciences โดยระบุว่าไม่พบหลักฐานที่ยืนยันว่า "มีริต พทาห์" มีตัวตนอยู่จริง 👉ชื่อของมีริต พทาห์ ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้เป็นที

นักโบราณคดีอาจ ค้นพบความหมายของ รูปปั้นโมอายแห่งเกาะอีสเตอร์แล้ว

รูปภาพ
🙊รูปปั้นโมอาย ( mo‘ai ) รูปปั้นที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งเกาะอีสเตอร์ เคยทำให้นักวิทยาศาสตร์งงงวยมานานหลายศตวรรษแล้วว่าคนสมัยนั้นสร้างมันขึ้นมาทำไม แต่เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2019 สำนักข่าว Popular Mechanics รายงานว่า นักโบราณคดี และนั ปฐพีวิทยา จาก มหาวิทยาลัแคลิฟอร์เนีย  (University of California) เชื่อว่าค้นพบความหมายที่แท้จริงของมันแล้ว นั่นคือเพื่อ “เฉลิมฉลอง” ความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่นั้น โจ แอนน์ ฟาน ทิลเบิร์ก (Jo Ann Van Tilburg) นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ใช้เวลากว่า 3 ทศวรรษ ศึกษาต้นกำเนิดของรูปปั้นโมอาย ร่วมกับ คริสเตียน อารีวอลโล แพ็คการาตี้ (Cristián Arévalo Pakarati ) ศิลปินท้องถิ่นชาวราปานุย และ ซาราห์ เชอร์วูด (Sarah Sherwood) นักปฐพีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเซาท์ในรัฐเทนเนสซี (University of the South in Tennessee) เพื่อช่วยกันวิเคราะห์รูปปั้นโมอายมากกว่า 1,000 รูป ซึ่งตั้งอยู่ใน ราโน ราราคู (Rano Raraku) ทางตะวันออกของเกาะ หลังจากวิเคราะห์ดินจากเหมืองหิน 2 แห่ง ที่นักโบราณคดีเชื่อว่าถูกสร้างขึ้นระหว่างหรือก่อน ค.ศ. 1510 – 1645 พวกเขาก็พบหลักฐ

นักวิทย์ชาวจีน สร้าง หมูครึ่งลิงได้สำเร็จ หวังต่อยอดการผลิตอวัยวะเพื่อมนุษย์

รูปภาพ
เมื่อวันที่18ธันวาคม 2019 เว็บไซต์ iflscience.com  รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนได้ทดลองฉีดสเต็มเซลล์ (Stem cell เซลล์ต้นกำเนิด) ของลิงเข้าไปในตัวอ่อนของหมู จนสามารถคลอดออกมามีชีวิตได้อยู่ชั่วระยะหนึ่งครับ “หมูครึ่งลิง” ภายในร่างกายของลูกหมูตัวนี้ มีเซลล์ของลิงแสมปะปนอยู่ Cr. Tang Haiการทดลองสุดแปลกประหลาดนี้ มีจุดประสงค์เพื่อติดตามผลการเจริญเติบโตของสเต็มเซลล์จากสิ่งมีชีวิตหนึ่ง ในร่างกายของสิ่งมีชิวิตอีกชนิดหนึ่ง (ในที่นี้คือสเต็มเซลล์ลิงในหมู) โดยเชื่อว่าอนาคตจะสามารถพัฒนาไปใช้ในการผลิตสเต็มเซลล์ของมนุษย์ ให้ผู้ป่วยมีอวัยวะไว้เปลี่ยนถ่ายได้ตลอดเวลา (เป็นการปลูกถ่ายแบบ Xenogenic graft โดยอวัยวะที่ปลูกถ่ายได้มาจากสิ่งมีชีวิตต่างสปีชีส์) Tang Hai และทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน State Key Laboratory of Stem Cell and Reproductive Biology ในกรุงปักกิ่ง ได้ทำการผสมเทียมตัวอ่อนหมู ด้วยวิธี IVF (In-vitro Fertilization หรือรู้จักกันในชื่อการทำเด็กหลอดแก้ว) จนกระทั่งมีการปฏิสนธิจนได้เซลล์ตัวอ่อน แล้วจึงนำสเต็มเซลล์จากไขกระดูกของลิงแสม มาทำการติดสีเรืองแสงเพื่อใช้ในการสังเกตการ

นักวิจัยชี้น้ำตาลเทียมเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน และชักจูงให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

รูปภาพ
😁การรับประทานน้ำตาลเทียม อาจเป็นหนึ่งในวิธีลดน้ำหนักที่หลายคนชื่นชอบ แต่จากการศึกษาล่าสุดของมหาวิทยาลัย University of South Australia พบว่า น้ำตาลเทียม (Artificial sweeteners) อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคเบาหวาน และชักจูงให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ ศาสตราจารย์ Peter Clifton ผู้ทำงานวิจัยนี้เผยว่า ผู้ที่รับประทานสารให้ความหวานหรือน้ำตาลเทียมแคลอรี่ต่ำ มีแนวโน้มน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นกว่าปกติ แทนที่จะน้ำหนักลดตามที่คาดหวังไว้ จากการศึกษาในอาสาสมัครชาวอเมริกันจำนวน 5,158 ราย ตลอดระยะเวลา 7 ปี ผู้ที่รับประทานน้ำตาลเทียมมีแนวโน้มน้ำหนักตัวเพิ่มมากกว่ากลุ่มที่รับประทานน้ำตาลปกติ เพราะจริง ๆ แล้วน้ำตาลเทียมจะยิ่งเพิ่มความอยากในการรับประทานของหวาน ทำให้อาสาสมัครส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าตนเองสามารถรับประทานของหวานใด ๆ ก็ได้ โดยไม่อ้วน นั่นหมายความว่า ผู้ที่รับประทานน้ำตาลเทียมมักจะรับประทานของหวานที่มีน้ำตาลทั่วไป ผสมกับมื้อของหวานที่ใช้น้ำตาลเทียม และรับประทานมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว 👉ยิ่งไปกว่านั้น จากการศึกษาของศาสตราจารย์ Peter Clifton งานวิจัยเพิ่มเติมอีก 13 ฉบับ พบว่าน้ำตาลเทีย

ค้นพบแมลงที่ กินเลือดไดโนเสาร์เป็นอาหาร ในอำพันอายุ 100 ล้านปี

รูปภาพ
🌅วันที่ 19 ธันวาคม 2019 สำนักข่าว The Independent รายงานว่า นักชีววิทยาชาวจีนและอเมริกัน ค้นพบแมลงสายพันธุ์ใหม่ที่กินเลือดของไดโนเสาร์เป็นอาหาร ในอำพันอายุ 100 ล้านปี ที่รัฐกะฉิ่น ทางตอนเหนือของประเทศพม่า 🐞แมลงไร้ปีกทั้ง 10 ตัวนี้ถูกพบใกล้กับขนของไดโนเสาร์ ภายในซากดึกดำบรรพ์ของยางไม้ (อำพัน) 2 ชิ้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้ข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับต้นกำเนิดของแมลงปรสิตเล็ก ๆ ที่หากินกับนกในยุคปัจจุบัน นักวิจัยกล่าวว่า แมลงชนิดนี้มีชื่อว่า Mesophthirus engeli มีรูปร่างคล้ายเหา และมีกรามที่แข็งแรงมากพอ ๆ กับปรสิตที่ดูดเลือดนกในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้มีการค้นพบสิ่งมีชีวิตที่คอยกินเลือดจากยุคจูราสสิค 201-154 ล้านปีก่อน และยุคมหายุคมีโซโซอิก 145-66 ล้านปีก่อนมาก่อนแล้ว และถึงแม้ปัจจุบันจะมีการค้นพบไดโนเสาร์มีขนอย่างแพร่หลาย แต่แมลงที่เกาะอยู่กับ ขนของไดโนเสาร์กลับไม่มีการค้นพบเลย จนกระทั่งมีการค้นพบครั้งนี้ 😨นักวิจัยจาก Capital Normal University ในปักกิ่ง และ Smithsonian National Museum of Natural History ในวอชิงตันดีซี กล่าวว่า การค้นพบชี้ให้เห็นว่า ปรสิตที่เกาะติดกับขนของ

มัสยิดหลวงโกชาอิศหาก มัสยิดโบราณสไตล์ยุโรปแห่งเดียวใน Chinatown thai

รูปภาพ
🕌มัสยิดหลวงโกชา เข้าสำเพ็งไปดูมัสยิดอายุ 100 กว่าปีที่สร้างโดยขุนนางชาวมาเลเซียในราชสำนักรัชกาลที่ 5 หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่าภายในย่านการค้าของชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดของพระนครอย่างย่านสำเพ็ง ในพื้นที่เขตสัมพันธวงศ์จะมีมัสยิด ศาสนสถานของชาวมุสลิมและสุสานตั้งอยู่ไม่ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา หากเริ่มต้นการเสาะหาสถานแห่งนี้ โดยการขึ้นมาจากท่าเรือราชวงศ์ ก็ให้เดินเลี้ยวขวาเข้าถนนทรงวาด ผ่านตึกแถวอาคารเก่าแก่ซึ่งมีรูปแบบสถาปัตยกรรมและประดับแบบตะวันตกผสมจีนอย่างสวยงามทอดยาวตลอดแนว  เมื่อเดินผ่านศาลเจ้าปุนเถ้ากงและโรงเรียนเผ่ยอิงมาอีกประมาณ 2 – 3 ซอย จะพบซอยเล็กๆ ทางซ้ายมือ ซึ่งเมื่อมองเข้าไปก็จะสะดุดกับอาคารทรงยุโรปสีเหลืองนวลหลังหนึ่งตั้งอยู่ดึงดูดสายตาให้เข้าไปเยี่ยมชมใกล้ๆ ในแวบแรกหากไม่สังเกตป้ายบอกสถานที่คงไม่ทราบว่าอาคารหลังนี้คือมัสยิดหลวงโกชาอิศหาก แฝงตัวอยู่ท่ามกลางตึกแถวและโกดังสินค้ามากว่าร้อยปี มัสยิดหลังนี้ได้ชื่อตาม หลวงโกชาอิศหาก ผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นขุนนางมุสลิมเชื้อสายมลายูในสมัยรัชกาลที่ 5   🧔หลวงโกชาอิศหาก จากพ่อค้าเมืองไทรบุรี สู่