บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กันยายน, 2019

เอเชี่ยม Echium pininana

รูปภาพ
Echium wildpretii สายพันธุ์พืชที่คุณอาจไม่เคยเห็นดอกไม้ของมันมาก่อน Echium wildpretii พืชดอกในตระกูล Boraginaceae เป็นไม้ล้มลุก ต้นสามารถสูงได้ถึง 3 เมตร เป็นต้นไม้ในถิ่นบนเกาะ Tenerife ประเทศสเปน มันมีชื่อสเปนว่า Tajinaste rojo พบมากในพื้นที่แห้งแล้ง แต่มันสามารถทนกับอุณหภูมิที่หนาวจัดได้ถึง -5 C เอเชี่ยม (Echium pininana) ชื่ออื่นๆ : tree echium, pine echium and giant viper's-bugloss วงศ์ : Boraginaceae  (วงศ์หญ้างวงช้าง) เอเชี่ยม เป็นไม้ดอกขนาดใหญ่ มีถิ่นกำเนิดแถบทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน เป็นไม้ดอกหลายปี (2-3 ปีขึ้นไป) โดยในช่วงปีแรกยังไม่ค่อยมีใบ  แต่ปีต่อๆมาใบจะเริ่มมากและแน่นขึ้น ลำต้นสูงได้ถึงประมาณ 4 เมตร (13 ฟุต)  ดอก : มีหลายสี เช่น ม่วง แดง และชมพู   เป็นที่ชื่นชอบของสัตว์จำพวกนกและผีเสื้อ นิยมปลูกลงแปลง เป็นไม้ประดับแต่ไม่แนะนำให้ปลูกลงกระถาง เนื่องจากมีขนาดใหญ่  และรูปทรงสูง เอเชี่ยมมีหลายสายพันธุ์ ราว 60 สปีซีส์ เช่น  Echium wildpretii หรือ Mount Teide Bugloss ให้ดอกสีแดง ลำต้นเป็นทรงกรวยปลายแหลม สูงคล้ายงวงช้าง และบางครั้งอาจเรี

ชาวนาอินเดีย มีเขางอกขึ้นหัว 5 ปี ตอนแรกเป็นแค่ก้อนเล็ก ๆ ตอนนี้ยาวกว่า 10 ซม.แล้ว

รูปภาพ
ชยาม ลาล ยาเทพ” ชื่อของชาวนาอินเดีย วัย 74 ปี ที่ขณะนี้บนศรีษะของเขา มีเขางอกขึ้นมาบนหัว ความยาวกว่า 10 เซนติเมตร “มันไม่เจ็บมากเท่าไหร่ แต่ก็สร้างความเจ็บปวดแบบเนือง ๆ อยู่ตลอดเวลา คุณปู่ชยามเผยว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้ประสบอุบัติเหตุจากการขับขี่จักรยานยนต์ เป็นผลให้บริเวณศรีษะเกิดรอยแผล และไม่นานก็รู้สึกว่ามีก้อนแข็ง ๆ บางอย่างงอกขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้สนใจ โดยเมื่อมันเริ่มยาวก็จะให้ช่างตัดผมแถวบ้านช่วยเล็มออกทุกเดือน กระทั่งเวลาผ่านไป ก้อนแข็งดังกล่าวก็ยิ่งงอกยาวขึ้น สูงขึ้น เร็วขึ้น จนไม่สามารถตัดออกได้อีก เพราะกว่าจะรู้ตัวแค่แตะมันเบา ๆ ก็เจ็บเสียแล้ว (เรื่องของคุณปู่เคยเป็นข่าวดังมากเมื่อช่วงต้นปี และเนื้อหาต่อจากนี้คือเนื้อหาอัพเดตล่าสุดครับ) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2019 ถึงเวลาแล้วที่จะต้องไปโรงพยาบาล ศัลยแพทย์ประจำโรงพยาบาลเมืองซาการ์ ได้ทำการผ่าตัดนำเขาดังกล่าวออก ซึ่งสำเร็จลุล่วงแบบชิว ๆ  แต่เนื่องด้วยคุณปู่อายุมากแล้ว จึงต้องนอนพักที่โรงพยาบาลนานถึง 10 วัน เราใช้วิธีผ่าตัดแบบเลเซอร์ จึงทำให้แผลนั้นไม่ใหญ่จนเกินควร ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสาเหตุที่ทำให้เขา

ขุมทรัพย์ ปริศนาทองคำใต้น้ำแห่งเผ่ามูอิสคา

รูปภาพ
ทะเลสาบกัวตาวีตา เรื่องราวของมหาสมบัติที่เป็นตำนาน ขุมทรัพย์ ของนครลึกลับแห่งหนึ่งที่มีความสืบเนื่องกับอารยธรรมอินคา อารยธรรมที่สามารถผลิตทองคำได้มากกว่าสิ่งอื่นใด ตำนานนี้ได้ถูกเอ้ยถึงอีกครั้งจากชายชราอินเดียนแดงผู้หนึ่ง จนนำมาสู่การค้นพบ ทองคำใต้น้ำในตำนาน ขุมทรัพย์ทองคำแห่งมูอิสคา ปริศนา รอยต่อทองคำของอินคา ตำนาน ขุมทรัพย์ ทองคำใต้น้ำแห่งเผ่ามูอิสคา เมื่อประมาณ ปี 1535  มีเรื่องเล่าจากผู้เฒ่าอินเดียนแดงผู้หนึ่ง ได้เล่าถึง ตำนานของนครลึกลับในอเมริกาใต้ให้กับนักล่าอาณานิคมชาวสเปนได้ฟังถึง  "เรื่องราวของกษัตริย์ไร้นามผู้หนึ่งของนครแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในป่าลึก กษัตริย์ผู้ทรงประทับบนบัลลังก์ทองคำ แต่งฉลององค์ด้วยเครื่องทรงอันวิจิตรงดงาม เสด็จล่องแพไปยังพื้นน้ำกว้างใหญ่ และทรงทิ้งทรัพย์สมบัติที่ติดตัวมานั้นลงไปในน้ำ เพื่อถวายเป็นเครื่องบรรณาการให้กับสุริยเทพเจ้า"          เมื่อได้ยินดังนั้น นักล่าอานานิคมชาวสเปนก็ได้ทำการออกตามล่าหานครปริศนาที่ผู้เฒ่าอินเดียนแดงกล่าวถึง จนได้รู้ว่าตำนานที่ชายชราเล่ามานั้น เป็นเรื่องเล่าที่มีความสอดคล้องกับประเพณ

ตำนาน ขุมทรัพย์ ที่สาบสูญแห่งมอนเตชูม่า

รูปภาพ
🌞เรื่องราวการหายสาบสูบของทองคำและทรัพย์สมบัติอันมหาศาลจนกลายเป็นตำนาน ขุมทรัพย์ ทองคำที่เรียกกันว่า "ราตรีแห่งความโศกเศร้า" (Noche Triste : The Night of Sorrows) 🙄ตำนาน ขุมทรัพย์ ทองคำแห่งมอนเตซูมา ในปี 1519 "เฮอร์นันโด คอร์เตส" (Hernando Cortes) กลุ่มนักสำรวจชาวสเปนที่เดินออกล่าอาณานิคม ได้เดินเรือมายังพื้นดินชายฝั่งของเม็กซิโก และทำการตั้งฐานทัพที่นั่นเพื่อวางแผนโจมตีชนเผ่า "แอสเท็กซ์" (Aztecs) ซึ้งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ที่นั่น จักรวรรดิแอสเท็กซ์ ในเวลานั้นปกครองโดยผู้นำเผ่าที่มีนามว่า "มอนเตซูมาที่ 2" (Montezuma II) มอนเตซูมา ผู้ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับการกลับมาของเทพเจ้าตามพงศาวดารของชนเผ่าที่กล่าวถึงลักษณะเทพผู้กลับมาว่า จะมีผิวขาวและเครายาว ซึ่งมีความใกล้เคียงกับรูปลักษณ์ของคอร์เตสเป็นอย่างมาก ทำให้ชาวสเปนกลุ่มนี้ได้รับการตอนรับขับสู้จากกษัตริย์แอสเท็กซ์ดุจเทพเจ้า แต่ในความเป็นจริงนั้นกลับตรงกันข้าม คนขาวพวกนี้ไม่ใช่เทพเจ้าที่จะมาประทานความร่มเย็นเป็นสุขให้ชาวเผ่าเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นนักล่าอาณานิคมผู

โคราชพบฟอสซิลปลามีโหนกยุคจูราสสิก เจ้าพ่อน้ำจืด 150ล้านปีก่อน

รูปภาพ
นักวิจัยค้นพบฟอสซิลปลายุคจูราสสิกพันธุ์ใหม่ของโลก อายุ 150 ล้านปี ผู้เชี่ยวชาญระบุเป็นปลากระดูกแข็งโบราณสกุลใหม่และชนิดใหม่ของโลก มีโหนกด้วย ตั้งชื่อว่า โคราชอิกธิส จิบบัส หลังต้องรอนานถึง 17 ปี...   ที่สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหิน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา บ้านโกรกเดือนห้า ต.สุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา พร้อมด้วยนายสุเมธ อำภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา รศ.ดร.วิเชียร ฝอยพิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ดร.อุทุมพร ดีศรี นักวิจัยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ ผศ.ดร.ประเทือง จินตสกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการค้นพบ ฟอสซิลปลายุคจูราสสิกพันธุ์ใหม่ของโลก  ชื่อว่า "โคราชอิกธิส จิบบัส" โดยค้นพบฟอสซิลจากแหล่งบ้านโนนสาวเอ้ ตำบลวังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เป็นปลาน้ำจืดสกุลใหม่ และชนิดใหม่ของโลก อยู่ในยุคจูราสสิกตอนปลายถึงครีเทเชียสตอนต้น หรืออายุประมาณ 150 ล้านปีก่อน ปลาชนิดนี้มีลักษณะเด่นคือ บริเวณหลังส่วนคอมี

เผยไดโนเสาร์โชคร้าย อุกกาบาตชนโลกตรงจุดอันตรายที่สุด

รูปภาพ
(ภาพจากจินตนาการของศิลปิน)  พลังงานที่เกิดขึ้นจากการชนของอุกกาบาตยักษ์ เทียบเท่ากับระเบิดปรมาณูที่ทิ้งใส่เมืองฮิโรชิมา 10,000 ล้านลูก คณะนักวิทยาศาสตร์นานาชาติซึ่งกำลังขุดเจาะชั้นหินใต้ทะเลในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลุมอุกกาบาตชิกซูลุบ (Chicxulub) เผยว่าสภาพทางภูมิศาสตร์และธรณีวิทยาของพื้นที่ดังกล่าว เป็นสาเหตุหนึ่งที่ยิ่งทำให้หายนะจากการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดยักษ์เมื่อ 66 ล้านปีก่อน มีความรุนแรงยิ่งขึ้นและขยายวงลุกลามไปมากกว่าที่ควรจะเป็น จนทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลก 75% ตายลงและไดโนเสาร์ต้องสูญพันธุ์ คณะนักวิทยาศาสตร์เผยผลการศึกษาล่าสุดดังกล่าวในสารคดี "วันที่ไดโนเสาร์ตาย" (The Day The Dinosaurs Died) ซึ่งออกฉายทางสถานีโทรทัศน์บีบีซี 2 โดยชี้ว่าผลการวิเคราะห์ชั้นหินซึ่งขุดเจาะขึ้นมาเป็นแท่งกลม จากบริเวณขอบของหลุมอุกกาบาตที่ปัจจุบันส่วนหนึ่งจมอยู่ใต้ทะเล เผยว่าพื้นที่ดังกล่าวมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้กลายเป็นจุดตกของอุกกาบาตที่อันตรายและเลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การที่อุกกาบาตพุ่งชนพื้นทะเลตื้น ทำให้กำมะถันปริมาณมหาศาลจากแหล่งแร่ยิปซัมที่ระเหยเป็น

พบฟอสซิล สัตว์ประหลาดในทะเล อายุกว่า 430 ล้านปี หน้าตาชวนขนลุกแบบในหนัง

รูปภาพ
เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องสัตว์ประหลาดทะเลจากหลากหลายตำนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของคราเคน หรือเนสซี บางคนอาจเคยเห็นสัตว์ประหลาดเหล่านี้ในภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง เช่น จอว์ส หรือก็อตซิลล่า แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้ เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ และถ้าหากมันยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้กึคงมีอายุถึง 430 ล้านปีเลยทีเดียว โดยฟอลซิลของสัตว์ทะเลหนวดยาวตัวนี้ถูกพบที่ เฮียร์ฟอร์ดเชอร์, สหราชอาณาจักร นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า หนวดของมันยาวกว่าลำตัวเสียอีก ทีมนักวิทยาศาสตร์จากอังกฤษและสหรัฐอเมริกาได้ค้นพบซากดึกดำบรรพ์เอคไคโนเดิร์ม (Echinoderm) หรือสัตว์ทะเลสายพันธุ์เดียวกับปลาดาว หอยเม่น และพลับพลึงทะเล ซึ่งจัดเป็นไฟลัมหนึ่งของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สัตว์ทะเลตัวนี้ได้รับการขนานนามว่า Sollasina Cthulhu ซึ่งมาจากสัตว์ในนิยายของ H.P. Lovecraft นักเขียนชาวอเมริกัน ซึ่งถึงแม้ว่าสัตว์ตัวนี้จะมีขนาดที่เล็กกว่าสัตว์ในเนื้อเรื่องของ Lovecraft แต่ตัวจริงของมันก็มีรูปร่างน่ากลัวพอไม้แพ้กับสัตว์ประหลาดตัวอื่น ๆ ในยุคเดียวกันเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าฟอลซิลที่พบจะมีความกว้างแค่ 3 เซนติเมตร แต่หนวดของมันก็สร้างความน่าส

สุดอัศจรรย์เพชรบูรณ์พบ ทุ่งโขดหินฟอสซิลกว่า 200 ไร่ คาดเคยเป็นก้นมหาสมุทร

รูปภาพ
นายวิศัลย์ โฆษิตานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า จากการที่จังหวัดเพชรบูรณ์รวบรวมแหล่งธรณีวิทยาภายในจังหวัดจำนวน 21 แหล่ง เพื่อนำเสนอเป็นอุทยานธรณีวิทยา(จีโอปาร์ค)กับยูเนสโก ทำให้ชาวบ้านเริ่มมีการแจ้งข้อมูลใหม่ให้กับคณะทำงาน  ล่าสุด ค้นพบแหล่งธรณีวิทยาภูน้ำหยด “โขดหินฟอสซิลดึกดำบรรพ์อายุ 240 ล้านปี” บริเวณหมู่ 12 บ้านยางจ่า ต.ภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี แหล่งธรณีวิทยาที่ 22 ที่ชาวบ้านแจ้งว่าพบทุ่งโขดหินประหลาด ภายในมีฟอสซิลหอยอายุหลายล้านปีเต็มไปหมด บนที่ดิน สปก.ราว 200 ไร่ ทางทีมสำรวจซึ่งประกอบด้วย ดร.สมบุญ โฆษิตานนท์ นักวิชาการจากกรมทรัพยากรธรณีวิทยา, นายอรุณ เมฆฉาย นายอำเภอวิเชียรบุรี รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จึงลงสำรวจเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายวิศัลย์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า บริเวณดังกล่าวเคยเป็นท้องทะเล หรือมหาสมุทรมาก่อน แต่ภายหลังเกิดปรากฎการณ์ทางธรณีวิทยา ทำให้เกิดโขดหินซึ่งมีลักษณะแปลกประหลาด ภายในโขดหินเหล่านี้มีตั้งแต่ก้อนหินขนาดเล็กไปถึงแนวโขดหินขนาดใหญ่ ภายในมีซากฟอสซิลสัตว์และพืชใต้ท้องทะเลนานาชนิด อาทิ ปะการั

กล่องดำในเครื่องบิน ใครเป็นผู้ประดิษฐ์

รูปภาพ
ของขวัญจากพ่อทำให้เดวิดหลงรักวิทยาศาสตร์ 19 ตุลาคม 1934 เครื่องบินโดยสารชื่อ มิส โฮบาร์ต ตก มีชาย 8 คน หญิง 3 คน และเด็กทารก 1 คน เสียชีวิต เชื่อกันว่าเครื่องตกลงบริเวณช่องแคบแบสส์ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเกาะแทสมาเนียและออสเตรเลียแผ่นดินใหญ่ แต่ก็ไม่มีการพบซากเครื่องบิน บาทหลวงนิกายแองกลิกัน ฮิวเบิร์ต วอร์เรน เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เขามอบให้เดวิด ลูกชายวัย 8 ขวบไว้ คือเครื่องรับวิทยุแบบแร่ (crystal radio) ซึ่งเป็นของรักของหวงของเด็กชายผู้นี้ ที่โรงเรียนประจำในแทสมาเนีย เดวิด วอร์เรน เล่นเครื่องรับวิทยุนี้เป็นประจำหลังเลิกเรียน เริ่มจากคิดเงินเพื่อนที่มาขอฟังรายการถ่ายทอดสดการแข่งขันคริกเก็ต ไม่กี่ปีถัดมาเขาก็เริ่มสร้างเครื่องนี้ขึ้นขายเอง ครอบครัวของเดวิดเคร่งศาสนามาก และวาดฝันให้เขาเป็นนักบวชเข้าสักวัน อย่างไรก็ดี เป็นของขวัญจากพ่อนั่นเองที่ทำให้เขาหลงรักวิทยาศาสตร์แทน ฮิวเบิร์ต (ซ้าย) กับครอบครัว ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าความหลงใหลนี้จะสามารถช่วยชีวิตคนนับไม่ถ้วนในอีกหลายปีต่อมา เดวิดจบปริญญาด้านวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ก่อนจะได้ปริญญาเ

นักฟิสิกส์อเมริกันผู้นำความลับระเบิดปรมาณูไปให้โซเวียต

รูปภาพ
ทีโอดอร์ ฮอลล์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อายุน้อยที่สุดที่ร่วมในโครงการแมนฮัตตัน โครงการวิจัยของสหรัฐฯ ที่สร้างระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก ทีโอดอร์ ฮอลล์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐชาวอเมริกันผู้นำข้อมูลลับจากห้องทดลองโครงการสร้างระเบิดปรมาณู ไปเปิดเผยแก่สหภาพโซเวียต และช่วยให้โซเวียตกลายเป็นชาติที่สร้างระเบิดปรมาณูได้ในที่สุดเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้ว 29 ส.ค. 1949 เป็นวันที่สหภาพโซเวียตกลายเป็นชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ ชาติที่สองรองจากสหรัฐฯ จากการทดสอบระเบิดปรมาณูลูกแรกที่ชื่อว่า RDS-1 ซึ่งเป็นระเบิดปรมาณูที่มีพลูโตเนียมเป็นวัตถุระเบิด การทดสอบระเบิดปรมาณูลูกแรกของโซเวียต สร้างความประหลาดใจแก่รัฐบาลของชาติตะวันตกอย่างมาก ดังที่ข้อมูลเอกสารบันทึกของสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ หรือซีไอเอ ระบุไว้ว่า หน่วยงานของสหรัฐฯ คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่โซเวียตสามารถผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ก่อนปี 1953 ความน่าพิศวงของเรื่องนี้ก็คือ ทีโอดอร์ ฮอลล์ นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐฯ เป็นผู้ที่ช่วยสานฝันการมีระเบิดนิวเคลียร์แก่รัฐบาลมอสโกด้วยการค่อย ๆ ป้อนข้อมูลลับให้กับโซเวียต แต่เขาก็ไม่ใช่พลเมืองอเมริกันเพียงคนเดียว

ปริศนาภาพเขียนสี! มนุษย์อวกาศบนผนังถ้ำ Tassili n Ajjer

รูปภาพ
ปริศนาภาพเขียนสี! มนุษย์อวกาศบนผนังถ้ำ ‘Tassili n’Ajjer’ แห่งแอลจีเรีย หรือนี่จะเป็นหลักฐานการมาเยือนโลกของมนุษย์ต่างดาวเมื่อหมื่นปีก่อน นี่คือภาพเขียนสีบนผนังถ้ำเก่าแก่ปริศนาที่ดันมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ต่างดาว หรือนี้จะเป็นอีกหนึ่งหลังฐานการมีตัวตนของมนุษย์ต่างดาวที่เคยมาเยือนโลกของเราเมื่อครั้งอดีตจริงๆ กันแน่ Tassili n’Ajjer คือถ้ำหินที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับทะเลทรายซาฮาร่า ในประเทศแอลจีเรีย เป็นหนึ่งในสถานที่ปรากฏภาพเขียนสีบนผนังถ้ำที่เก่าแก่ที่สุดแห่งและมีจำนวนมากที่สุดในภูมิภาคอาหรับ โดยครอบคลุมบริเวณถึง 72,000 ตารางกิโลเมตร ผลงานภาพวาดและ ภาพเขียนสีและภาพสลักบนผนังถ้ำมีทั้งหมดกว่า 15,000 ชิ้น นักวิจัยคาดการณ์ว่าภาพวาดที่ปรากฏเหล่านี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 8,000-10,000 ปี ก่อนคริสตกาล ภาพเหล่านี้แสดงถึงวิถีชีวิตในประจำนวนของผู้คนที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้มาก่อน และบอกได้ว่าว่าทะเลทรายซาฮาร่านั้นเคยเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ เช่น ยีราฟ นกกระจอกเทศ ฮิปโปโปเตมัส รวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำอีกหลายชนิด ต่างจากปัจจุบันที่กลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้ง ที่