กล่องดำในเครื่องบิน ใครเป็นผู้ประดิษฐ์
ของขวัญจากพ่อทำให้เดวิดหลงรักวิทยาศาสตร์
19 ตุลาคม 1934 เครื่องบินโดยสารชื่อ มิส โฮบาร์ต ตกมีชาย 8 คน หญิง 3 คน และเด็กทารก 1 คน เสียชีวิต เชื่อกันว่าเครื่องตกลงบริเวณช่องแคบแบสส์ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเกาะแทสมาเนียและออสเตรเลียแผ่นดินใหญ่ แต่ก็ไม่มีการพบซากเครื่องบิน
บาทหลวงนิกายแองกลิกัน ฮิวเบิร์ต วอร์เรน เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เขามอบให้เดวิด ลูกชายวัย 8 ขวบไว้ คือเครื่องรับวิทยุแบบแร่ (crystal radio) ซึ่งเป็นของรักของหวงของเด็กชายผู้นี้
ที่โรงเรียนประจำในแทสมาเนีย เดวิด วอร์เรน เล่นเครื่องรับวิทยุนี้เป็นประจำหลังเลิกเรียน เริ่มจากคิดเงินเพื่อนที่มาขอฟังรายการถ่ายทอดสดการแข่งขันคริกเก็ต ไม่กี่ปีถัดมาเขาก็เริ่มสร้างเครื่องนี้ขึ้นขายเอง
ครอบครัวของเดวิดเคร่งศาสนามาก และวาดฝันให้เขาเป็นนักบวชเข้าสักวัน อย่างไรก็ดี เป็นของขวัญจากพ่อนั่นเองที่ทำให้เขาหลงรักวิทยาศาสตร์แทน
ฮิวเบิร์ต (ซ้าย) กับครอบครัว
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าความหลงใหลนี้จะสามารถช่วยชีวิตคนนับไม่ถ้วนในอีกหลายปีต่อมา
เดวิดจบปริญญาด้านวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ก่อนจะได้ปริญญาเอกด้านเคมีจากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ด้วยความรู้พิเศษด้านวิทยาศาสตร์การผลิตจรวด เขาได้เข้าทำงานเป็นนักวิจัยประจำศูนย์วิจัยด้านการบิน Aeronautical Research Laboratories หรือ ARL ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย
ในปี 1953 เขาเข้าร่วมทีมที่จัดตั้งขึ้นเพื่อค้นหาว่าเหตุใดเครื่องบินของ British de Havilland Comet ซึ่งเป็นสายการบินเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก ถึงได้ประสบอุบัติเหตุตกแล้วตกอีก
"คนพูดกันไปเรื่อยถึงความผิดพลาดในการฝึกฝนพนักงานบนเครื่อง หรือของนักบินเอง หรือว่าแพนหางหลุดออกจากท้ายเครื่องหรือเปล่า และอะไรอีกมากมายที่ผมไม่มีความรู้ความเข้าใจ" เดวิด เล่าเมื่อ 50 ปีให้หลัง
ขณะนั้น เดวิดกลับนึกถึงสิ่งที่เขาเห็นในงานจัดแสดงสินค้าที่นครซิดนีย์ นั่นคือเครื่อง Miniphon ซึ่งผู้ผลิตสัญชาติเยอรมันอ้างว่าเป็นเครื่องอัดเสียงแบบพกพาเครื่องแรกของโลก ที่ผลิตขึ้นเพื่อให้นักธุรกิจใช้บันทึกเสียงพูดเพื่อร่างจดหมาย ก่อนที่จะให้เลขานำไปแกะเทปเขียนลงทีหลัง ส่วนเดวิดเองอยากได้เพราะเขาชอบดนตรีแจ๊สและอยากมีไว้อัดเพลงของวูดดี เฮอร์แมน จากวิทยุ
วินาทีสำคัญมาถึงตอนที่เพื่อนนักวิทยาศาสตร์เสนอขึ้นมาว่า เป็นไปได้ไหมที่เครื่องบิน British de Havilland Comet จะถูกจี้ จุดนี้เองที่ทำให้เขาเกิดความคิดขึ้นมาว่า จะเป็นอย่างไรหากมีเครื่องอัดเสียงเล็ก ๆ ในห้องนักบิน และหากเครื่องนี้แข็งแรงพอ ทีมสืบสวนจะไม่ต้องมานั่งหาสาเหตุเครื่องบินตกอีกต่อไปเพราะจะมีการอัดเสียงช่วงก่อนเครื่องบินตกไว้ อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่านักบินพูดและได้ยินอะไร
เดวิดที่ ARL ในปี 1958
เมื่อกลับไปที่ศูนย์วิจัย ARL เขารีบแจ้งความคิดนี้กับหัวหน้า แต่หัวหน้ากลับไม่สนใจเท่าไรนัก และบอกเขาว่า "นี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเคมี หรือเชื้อเพลิงเลย คุณเป็นนักเคมี เอานี่ไปบอกกับฝ่ายอุปกรณ์ซะ และไปสนใจเรื่องการระเบิดของถังเชื้อเพลิงต่อ"
แต่เดวิดรู้ว่าเครื่องอัดเสียงในห้องนักบินเป็นความคิดที่ดี โดยเมื่อหัวหน้าคนเก่าย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่น เขายังยืนกรานเสนอความคิดนี้อีก และหัวหน้าคนใหม่ของเขาก็สนับสนุนให้พัฒนาอุปกรณ์นี้ต่อไปอย่างเงียบ ๆ เพราะนี่ไม่ใช่โครงการที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลหรือเป็นอาวุธที่จะช่วยให้ชนะสงคราม
ในที่สุด เดวิดก็เขียนรายงานชื่อ "เครื่องมือช่วยสืบสวนอุบัติเหตุเครื่องบิน" ขึ้นมา และเผยแพร่ไปทั่ววงการการบิน แต่ปรากฏว่าบรรดานักบินพากันโกรธเกรี้ยว และกล่าวหาว่าเครื่องนี้เป็นเครื่องมือที่พยายามจะสอดส่องการทำงานของนักบิน เป็นเหมือน Big Brother เหมือนในหนังสือ 1984 ของจอร์จ ออร์เวลล์
แม้ว่าจะโดนล้อเลียนวิพากษ์วิจารณ์ เดวิดก็ไม่ล้มเลิกความพยายาม และตั้งหน้าตั้งตาสร้างเครื่องที่ถือว่าเป็น "กล่องดำ" เครื่องแรกของโลก
เดวิด ในปี 2002 กับเครื่อง Miniphon ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาคิดค้นกล่องดำส่งเด็กคนนี้ขึ้นเครื่องบินไฟลท์ต่อไปเลย
แขกคนนี้จริง ๆ แล้วคือ โรเบิร์ต ฮาร์ดิงแฮม เลขาธิการคณะกรรมการจดทะเบียนการบินสหราชอาณาจักรและพลอากาศตรีของกองทัพอากาศอังกฤษ และเขาก็จัดการให้เดวิดได้เดินทางไปกรุงลอนดอนเพื่อนำกล่องดำไปแสดงให้คนที่นั่นดู
ชาวอังกฤษชื่นชอบไอเดียนี้มาก บีบีซีทำรายการทีวีและวิทยุที่อธิบายถึงการทำงานของเครื่องนี้ และกรมการบินพลเรือนแห่งสหราชอาณาจักรก็เริ่มกระบวนการบังคับให้เครื่องบินพาณิชย์ต้องใช้กล่องดำ บริษัท S Davall and Sons ติดต่อ ARL เรื่องลิขสิทธิ์และเริ่มต้นกระบวนการผลิต
แม้ว่าเครื่องนี้จะเรียกกันว่า "กล่องดำ" แต่เครื่องแรก ๆ ที่ผลิตออกมานั้นเป็นสีส้มเพราะจะพบเจอได้ง่ายในซากเครื่องบินตก และก็ยังเป็นเช่นนี้มาจนถึงปัจจุบัน
ในปี 1960 ออสเตรเลียเป็นชาติแรกที่กำหนดข้อบังคับให้ต้องมีกล่องดำในห้องนักบิน หลังจากเหตุเครื่องบินตกอย่างไม่ทราบสาเหตุที่ควีนส์แลนด์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 29 ราย
ทุกวันนี้ กล่องดำหุ้มด้วยเหล็ก สามารถทนไฟและกันน้ำได้ เครื่องบินพาณิชย์ทุกลำต้องมีกล่องดำนี้อยู่
เป็นเรื่องที่ไม่อาจประเมินได้เลยว่าเครื่องมือนี้ได้ช่วยชีวิตผู้โดยสารมาแล้วกี่คน เพราะมันได้ช่วยให้เราเข้าใจข้อผิดพลาดของเครื่องบิน และทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อความปลอดภัยในเวลาต่อมา
ร่างของเขาถูกบรรจุในโลงศพที่มีข้อความข้างโลงว่า "ผู้ประดิษฐ์เครื่องบันทึกการบิน : กรุณาอย่าเปิด"
ผมเป็นคนโชคดีเป็นบ้า
เดวิด วอร์เรน ทำงานอยู่ที่ ARL จนกระทั่งเกษียณอายุในปี 1983 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2010 ด้วยอายุ 85 ปี
ตลอดเวลามากกว่า 50 ปี เดวิดแทบไม่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังของกล่องดำ แต่ในที่สุดในปี 1999 เขาได้รับเหรียญรางวัลจากสถาบันพลังงานของออสเตรเลีย และต่อมาในปี 2002 ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากผลงานที่มีต่อวงการการบินออสเตรเลีย
เขาไม่เคยได้รับเงินตอบแทนจากการผลิตกล่องดำ แต่เขาก็มักจะพูดเสมอว่า "ใช่ รัฐบาลได้ผลประโยชน์จากสิ่งที่ผมทำ แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดเงินผมสำหรับความคิดอื่นๆ นับร้อยของผมที่ล้มเหลว"
เดวิดเป็นบุคคลที่มีอารมณ์ขัน และลูก ๆ ก็รับสืบทอดสิ่งมาด้วย ในประกาศการเสียชีวิตของเขา ลูก ๆ เขียนข้อความที่เดวิดชอบพูดอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือ "ผมเป็นคนโชคดีเป็นบ้า" ร่างของเขาถูกบรรจุในโลงศพที่มีข้อความข้างโลงว่า "ผู้ประดิษฐ์เครื่องบันทึกการบิน : กรุณาอย่าเปิด"
เมื่อถามลูก ๆ เขาว่าคิดถึงพ่อหรือไม่เวลาขึ้นเครื่องบิน
ลูกสาวเขาตอบง่าย ๆ "ทุกครั้งเลย"