ดีเอ็นเอเผย กษัตริย์ยุคหินใหม่ของไอร์แลนด์คือทายาทของคู่สมรสที่เป็นพี่น้องกัน
ค้นหา

ผลการศึกษาข้างต้นที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature จัดทำโดยทีมนักวิจัยจากทรินิตีคอลเลจแห่งมหาวิทยาลัยดับลิน (TCD)ของไอร์แลนด์ และสถาบันฟรานซิสคริกของสหราชอาณาจักร โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และถอดรหัสข้อมูลพันธุกรรมทั้งหมดหรือจีโนมของบุคคลยุคโบราณ 44 คน ซึ่งร่างของพวกเขาถูกเก็บไว้ในสุสานหินที่มีอยู่ทั่วประเทศไอร์แลนด์
สุสานนิวเกรนจ์มีอายุเก่าแก่กว่าสโตนเฮนจ์และมหาพีระมิดแห่งกีซาหลายร้อยปี บ่งบอกว่าธรรมเนียมการสมรสในหมู่เครือญาติของชนชั้นสูงมีมานานกว่าที่พบในกษัตริย์บางราชวงศ์ของอียิปต์ โดยธรรมเนียมนี้น่าจะมาจากคติความเชื่อเดียวกันในเรื่องการรักษาสายเลือดบริสุทธิ์ของเทวราชาผู้สืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้า
"การสร้างสุสานที่ต้องใช้ทรัพยากรรวมทั้งกำลังคนในยุคโบราณอย่างมหาศาลเช่นนี้ แสดงถึงสถานะที่สูงส่งและความเป็นอภิสิทธิชนของผู้ตายอย่างชัดเจน ทั้งยังแสดงถึงการที่สังคมยุคนั้นยอมรับธรรมเนียมการสมรสในหมู่ชนชั้นสูงที่มีสายเลือดเดียวกันอีกด้วย" ศาสตราจารย์ แดเนียล แบรดลีย์ จากมหาวิทยาลัยดับลิน หนึ่งในทีมผู้วิจัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการยอมรับเรื่องที่เป็นสิ่งต้องห้ามในวัฒนธรรมอื่นอย่างการสมรสระหว่างพี่น้อง ได้สงวนไว้สำหรับชนชั้นปกครองเท่านั้น โดยผู้คนในสังคมยุคหินใหม่ของไอร์แลนด์ยังมองว่า เรื่องนี้ถือเป็นตราบาปสำหรับคนทั่วไป เห็นได้จากตำนานของสุสานหินอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กัน ได้เรียกชื่อเนินที่ตั้งของสุสานนิวเกรนจ์ว่า "เนินเขาบาป" (Hill of Sin) เพราะเป็นสถานที่ซึ่งกษัตริย์ผู้หนึ่งมีเพศสัมพันธ์กับน้องสาวของตนเอง เพื่อยับยั้งไม่ให้นางใช้อิทธิฤทธิ์หยุดดวงอาทิตย์ไว้กับที่ได้อีกต่อไป
นักโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์คาดว่า ประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศไอร์แลนด์ในช่วงยุคหินใหม่ น่าจะเป็นกลุ่มคนที่อพยพมาจากดินแดนแถบอนาโตเลียของตุรกีเมื่อราว 6,000-7,000 ปีก่อน