ทีมนักจิตวิทยาจากจีนและเยอรมนีวิจัยพบว่าคนจมูกไวชอบดมกลิ่นกายผู้อื่น มักมีความต้องการทางเพศสูง

👉🏿ทีมนักจิตวิทยาจากจีนและเยอรมนีวิจัยพบว่าคนจมูกไวชอบดมกลิ่นกายผู้อื่น มักมีความต้องการทางเพศสูง

💁เรื่องคนจมูกไวชอบดมกลิ่นกายผู้อื่นนี้มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนอาจจะเป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้นะครับ

👉🏿แต่สำหรับกรณีนี้เมื่อทีมนักวิจัยจากเยอรมันและจีนได้ร่วมกันทำการวิจัยจนพบว่า คนที่จมูกไวและมีแนวโน้มจะดมกลิ่นกายของผู้คนรอบตัวในชีวิตประจำวันบ่อยกว่า มักจะมีระดับความต้องการทางเพศสูงกว่าตามไปด้วย 

เรื่องคนจมูกไวมีความต้องการทางเพศสูงน่าจะเป็นความจริงนะครับเพราะบางคนดมกลิ่นหอยกินปลาร้าก็ทำให้เกิดอารมณ์อยากกินนู่นกินนี่...

🧔🏻ก็เหมือนบางคนล่ะครับคนจมูกไวได้ดมกลิ่นกายของสาวๆไม่ว่าตรงไหนก็แล้วแต่ก็ทำให้เกิดอารมณ์เพศมันขึ้นอยู่กับความรู้สึกและก็จินตนาการผสมรวมกันไปด้วย

หรือเปรียบกับกันบางคนจมูกไม่ไว จมูกดมกลิ่นไม่ดี มันก็ทำให้เกิดความรู้สึกเฉื่อยชาหดหู่ ห่อเหี่ยว บางคนนะครับเช่นถ้าเราอยากกินอาหารถ้า จมูกดมกลิ่น อาหารไม่ดีมันก็เลยทำให้ ไม่อยากกินอาหาร ฉันใดก็ฉันนั้น ...

👉🏿แม้จะทราบกันมานานแล้วว่า กลิ่นนั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่ออารมณ์ความรู้สึกและพฤติกรรมทางเพศของคนเรา แต่ล่าสุดทีมนักจิตวิทยาจากจีนและเยอรมนีได้ร่วมกันทำการวิจัยจนพบว่า คนที่จมูกไวและมีแนวโน้มจะดมกลิ่นกายของผู้คนรอบตัวในชีวิตประจำวันบ่อยกว่า มักจะมีระดับความต้องการทางเพศสูงกว่าตามไปด้วย

👉🏿ผลการศึกษาข้างต้นตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Archives of Sexual Behavior โดยทีมนักจิตวิทยานานาชาติจากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ภาคใต้ (SMU) ของจีน และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดรสเดนของเยอรมนี ได้ทำการสำรวจคนหนุ่มสาวเกือบ 2,500 คนในประเทศจีน อินเดีย และสหรัฐฯ เพื่อวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างพฤติกรรมการดมกลิ่นและแรงขับทางเพศ ซึ่งยังไม่เคยมีผู้ใดทำการศึกษาในประเด็นนี้มาก่อน

🙍ทีมผู้วิจัยได้ให้กลุ่มทดลองใน 3 ประเทศซึ่งมีวัฒนธรรมแตกต่างกัน ตอบแบบสอบถามเรื่องพฤติกรรมการใช้ประสาทรับกลิ่นในชีวิตประจำวัน รวมทั้งให้คะแนนประเมินตนเองในเรื่องของระดับความต้องการทางเพศด้วย ซึ่งผลปรากฏว่าพฤติกรรมที่ชอบดมกลิ่นกายของผู้อื่น เพิ่มแรงขับและอารมณ์ทางเพศของคนผู้นั้นให้สูงขึ้นกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญหรือใช้ประสาทรับกลิ่นมากนัก

💁ทีมผู้วิจัยยังพบว่า โดยทั่วไปแล้วระดับการให้ความสำคัญต่อประสาทรับกลิ่นและจำนวนครั้งของพฤติกรรมดมกลิ่นกายผู้อื่น จะแปรผันตรงต่อความต้องการทางเพศของแต่ละคนเหมือน ๆ กัน ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นชายหรือหญิง หรือเติบโตมาในวัฒนธรรมที่กำหนดควบคุมเรื่องเพศแบบใดก็ตาม

😁สำหรับผู้ตอบแบบสำรวจชาวอินเดีย ผลวิเคราะห์ข้อมูลชี้ว่าพวกเขามีความต้องการทางเพศสูงกว่าชาวอเมริกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยชาวภารตะประเมินตนเองว่าได้ใช้งานประสาทรับกลิ่นเป็นหลักและให้ความสำคัญกับมันอย่างสูง

ก่อนหน้านี้เคยมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างกลิ่นและความสุขทางเพศ โดยมีรายงานว่าการสูญเสียความสามารถในการดมกลิ่น ทำให้ความต้องการทางเพศลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังเคยมีการทดลองที่พบว่า ผู้ชายสามารถได้กลิ่นพิเศษจากผู้หญิงที่กำลังมีอารมณ์ร่วมทางเพศอีกด้วย

🙍แต่ก็ยอมรับเลยนะครับว่าถ้าเราเกิดจะไปดมกลิ่นกายของใครก็แล้วแต่แล้วจะทำให้เกิดอารมณ์...อะไรต่างๆนานา

🧔🏻แต่ถ้าไปเจอคนที่กลิ่นกายเหม็นโดยเฉพาะพวกที่กินเครื่องเทศมากๆเราได้กลิ่น กาย แบบ เราก็อยากจะอ้วกแล้วเพราะมันเหม็นชวนเวียนหัวหมดอารมณ์เพศไปเลยนะครับถ้าได้กลิ่นกายเหม็นฉุนกึกอย่างนั้น

อีกอย่างนึงมันก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคลด้วยบางคนชอบดมกลิ่นจักแร้ที่เหม็นๆของสาวๆหนุ่มๆ

👉🏿สรุปใครอยากจะดมกลิ่นอะไรของใครแล้วทำให้เกิดอารมณ์แบบไหนก็ดมกันไปเถอะตามใจชอบ..

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ภาพถ่ายปริศนางูไททันโอโบอา

"นายลี กวน ยู"- ประกาศชัดในพินัยกรรมให้ “รื้อบ้าน”มรดกตกทอดที่เขาได้รับมาจากพ่อ-แม่มาอยู่อาศัย โดยให้รื้อทิ้งไปเลยหลังจากเขาตายเพื่อไม่ให้บ้านหลังนั้น”ขัดขวางความเจริญ” ของประเทศสิงคโปร์

ปริศนาลึกลับ ของ กลไกการล่องหน ไปในความมืดของปลาประเภท SUPERBLACK ในท้องทะเลลึก ที่ ยังหาคำตอบไม่ได้