"นายลี กวน ยู"- ประกาศชัดในพินัยกรรมให้ “รื้อบ้าน”มรดกตกทอดที่เขาได้รับมาจากพ่อ-แม่มาอยู่อาศัย โดยให้รื้อทิ้งไปเลยหลังจากเขาตายเพื่อไม่ให้บ้านหลังนั้น”ขัดขวางความเจริญ” ของประเทศสิงคโปร์
"นายลี กวน ยู"- ประกาศชัดในพินัยกรรมให้ “รื้อบ้าน”มรดกตกทอดที่เขาได้รับมาจากพ่อ-แม่มาอยู่อาศัย โดยให้รื้อทิ้งไปเลยหลังจากเขาตายเพื่อไม่ให้บ้านหลังนั้น”ขัดขวางความเจริญ” ของประเทศสิงคโปร์
รัฐบุรุษที่ตายแล้วยังมีฤทธิเดชคิดได้ละเอียดอ่อนรอบคอบถึงขนาดนี้ ตอนมีชีวิตเขาเป็นคนหรือเปล่า
หรือเป็น”เทพ”จุติมาเกิดเพื่อสร้างประเทศสิงคโปร์?
“นายลี กวน ยู”เคยให้สัมภาษณ์ไว้ครั้งหนึ่งเมื่อปี ๒๕๕๔ ว่า เขาเห็นตัวอย่างบ้านพักของ”นายเยาหะราล เนห์รู”อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศอินเดียหลังจากที่ได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษ
บ้านของ”วิลเลี่ยม เช็กสเปียร์” นักประพันธ์ชื่อดังชาวอังกฤษ
บ้านพักของคนดังเหล่านั้นรัฐบาลอนุรักษ์ไว้ให้คนเข้ามาเที่ยวชมดูประวัติชีวิต จึงเป็นเหตุให้บ้านหลังอื่นๆในบริเวณนั้นถูกกฏหมายที่ออกมาเฉพาะควบคุมจำกัดสิทธิ เช่น จะสร้างสูงกว่าเดิมไม่ได้
ตลอดจนจะแก้ไขผังเมืองจากย่านที่อยู่อาศัยให้เปลี่ยนเป็นผ่านพาณิชยกรรมก็ไม่ได้ เพราะคนทั่วไปจะมองว่าไปลบหลู่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ
จึงทำให้มูลค่าของที่ดินละแวกอันเป็นที่ตั้งบ้านของบุคคลคนสำคัญในประวัติศาสตร์นั้นถูกแช่แข็งไว้เพราะทำประโยชน์อื่นใดอย่างเต็มที่ไม่ได้
อันไม่เป็นธรรมต่อประชาชนเจ้าของที่ดินทั่วไปที่ไม่ใช่ญาติโกโหติกาของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์นั้นๆ
“นายลี กวน ยู”ยังบอกต่อไปว่าการอนุรักษ์บ้านของเขาไว้ จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองไปโดยไร้ประโยชน์ เพราะเป็นบ้านเก่าแก่อายุเกือบร้อยปีผุพังบ้างแล้ว
"นายลี กวน ยู" ย่อมทราบดีว่ามีคนสิงคโปร์บางส่วนต้องการอนุรักษ์บ้านเขาไว้ให้เป็น “อนุสาวรีย์”เพื่อการท่องเที่ยว เพื่อให้นักเรียน~นักศึกษามาชมกัน
เขาจึงได้เขียนพินัยกรรมสั่งเสียย้ำอย่างชัดเจนว่า ถ้าแม้นรัฐบาลหรือรัฐสภาจะใช้อำนาจของฝ่ายบริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติ ออกกฎหมายห้ามบุคคลหนึ่งบุคคลใดรื้อบ้านพักอาศัยของเขา (เพื่ออนุรักษ์เป็นประวัติศาสตร์หรือเพื่อการท่องเที่ยว)
พินัยกรรมของเขาระบุกำหนดไว้ว่า เมื่อใดที่รัฐบาลหรือรัฐสภาใช้อำนาจออกกฏหมายมาบังคับห้ามรื้อถอนเช่นนั้น ในพินัยกรรมที่เขาเขียนไว้ก็จะอนุญาตให้เฉพาะลูกหลานและครอบครัวของลูกหลานเท่านั้น ที่จะย่างเท้าเข้าไปในบ้านเดิมของเขาได้
บุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ครู~นักเรียน หรือนักท่องเที่ยว ห้ามเข้าไปในบริเวณบ้านพักของเขาอย่างเด็ดขาด ใครบังอาจฝ่าฝืนเข้าไปถือเป็นละเมิดทรัพย์สินส่วนตัว อันมีความผิดทางอาญาจึงขั้นจำคุก
บ้านพักส่วนตัวมรดกตกทอดจากบรรพชนนี้ จะไม่ยอมให้ใช้เป็นสถานที่สดุดีตัวเขาเองหรือใช้ไว้ขายบัตรให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอย่างเด็ดขาด!
ลูกชายเขาที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน-"นายลี เซี่ยน หลุง"และลูกคนอื่นต่างย้ำเจตนารมณ์และเรียกร้องให้ประชาชนเคารพการตัดสินใจของคุณพ่อ!!!!
บ้านสองชั้นเลขที่ 38, Oxley Road ซึ่ง "นายลี กวน ยู" ได้รับมรดกมาจากพ่อ ถือเป็นบ้านประวัติศาสตร์ที่เขาใช้ชีวิตทั้งหมดตั้งแต่เกิดจนตายที่นี่
เขาไม่ยอมย้ายเข้าไปอยู่อาศัยในทำเนียบรัฐบาล เพราะไม่ต้องให้ลูกทั้งสามคนเห่อเหิมเสียคนเพราะว่ามีบ้านหลังใหญ่และมีคนรับใช้กินเงินเดือนของรัฐบาล
นอกจากนั้นแล้ว “นายลี กวน ยู"ยังใช้บ้านพักหลังนี้เป็นที่ประชุมทางการเมืองครั้งสำคัญเสมอๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครเข้ามาขัดขวาง หรือมาดักฟังหรือมาสืบความด้วย
( Rewrite จาก Facebook ของคุณ Pipob Udomittipong ครับ)
หมายเหตุ-เมื่อมีการสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งใหม่ของประเทศสิงคโปร์ที่ ต.ชางงี(ซึ่งเดิมมีคุกชื่อ"เรือนจำชางงี"ตั้งอยู่ก่อนแล้ว)
ได้มีผู้เสนอให้ตั้งชื่อว่า"ท่าอากาศยานนานาชาติลีกวนยู" แต่นายลี กวน ยูปฏิเสธ
โดยได้ให้ตั้งชื่อว่า"ท่าอากาศยานนานาชาติชางงี"ตามชื่อของตำบลที่ตั้งและเป็นชื่อเดียวกับคุกที่มีอยู่ก่อนแล้วครับ
ประวัติ ลี กวน ยู รัฐบุรุษแห่งสิงคโปร์