โคเดกซ์ เลสเตอร์Codexหนังสือราคา 900 ล้านบาทเล่มนี้ เทพอย่างไร
โคเดกซ์ เลสเตอร์
(The Codex Leicester) คือบันทึกส่วนหนึ่งของ เลโอนาโด ดา วินชี มีทั้งหมด 72 หน้า เป็นหนังสือที่มีมูลค่าประมูลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยราคา 940 ล้านบาท ผ่านผู้ครอบครองมาแล้ว 7 มือ ซึ่งตั้งแต่ปี 1994 บิล เกตส์ เป็นผู้ครอบครอง จากนั้นก็ได้มีการทำสำเนาเสมือนจริงแจกจ่ายไปตามห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ รวมกว่า 963 เล่ม
(ซ้าย-สำเนา) , (ขวา-เล่มจริง)
(คำว่า Codex หมายถึง หนังสือโบราณที่เขียนด้วยลายมือ ส่วนคำว่า Leicester-เลสเตอร์ คือชื่อหนังสือ)
หากย้อนไปในศตวรรษที่ 15
ดา วินชี ไม่อาจเปิดเผยเนื้อหาจากบันทึกของเขาต่อสาธารณะชนได้แม้แต่น้อย เพราะเป็นยุคที่ศาสนจักรระบุว่า “พระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก” ทฤษฎีของเขาสวนทางกับแนวคิดของศาสนาสิ้นเชิง ทำให้บันทึกทั้งหมดถูกเก็บไว้อย่างมิดชิด และเพิ่งถูกเผยแพร่หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปร่วม 200 ปี
อีกทั้ง ในทุก ๆ ปี เจ้าพ่อหนอนหนังสืออย่าง บิล เกตส์ จะจัดแสดงหนังสือเล่มนี้ตามประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พร้อมยังใจป้ำ แปลงเนื้อหาในหนังสือเป็นไฟล์ดิจิทัลเผยแพร่ให้คนที่สนใจเข้าไปชมกันได้ด้วย researchgate เอาล่ะครับ เกริ่นกันมาสะยาวเหยียด ว่าแต่มันเทพยังไงล่ะ ? มาครับเดี๋ยว Flagfrog สรุปให้ฟัง
หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นเป็นหนังสือ How-To หรือเขียนเพื่อเจาะจงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่เป็นการจดบันทึก ร่างภาพสเก็ต พร้อมวิธีคำนวนความเป็นไปได้ของไอเดียที่เขาคิดและตั้งคำถามขึ้น + มีวิธีแก้โจทย์เขียนไว้เสร็จสรรพ โดยไม่มีการจัดลำดับใด ๆ ทั้งสิ้น แม้แต่ในหน้ากระดาษเดียวก็มีหลายหัวข้อรวมกัน จึงทำให้เรารู้ว่า ทุกครั้งที่เขาสังเกตสิ่งใดจะเกิดคำถามใหม่ขึ้นมาทุกครั้ง
ปรากฏการณ์แสงโลกและด้านมืดของดวงจันทร์
(earth shine-moon phase )
เช่น ทำไมเราถึงมองเห็นดาวในตอนกลางคืน แต่มองไม่เห็นในตอนกลางวัน ? อะไรแยกน้ำออกจากอากาศ ? วิญญาณอยู่ที่ไหน ? ตัณหาคืออะไร ? เลโอนาร์โดบันทึกทุกสิ่งอย่างไว้ด้วยรายละเอียดถี่ยิบทุกหน้าและทุกมุมของกระดาษ โดยเขียนเป็นตัวหนังสือกลับด้านจากขวาไปซ้ายอย่างเป็นระเบียบ (ใช่ครับ ! เขาเขียนหนังสือจากขวาไปซ้ายเพราะไม่ต้องการให้นักวิชาการคนอื่น ๆ แอบอ่านบันทึกของเขา อ่อลืมบอกไปว่า ถูกบันทึกเป็นภาษาอิตาลีนะครับ) และนี่ก็คือตัวอย่างการตอบคำถามที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ
น้ำขึ้นไปถึงยอดเขาได้อย่างไร ? ในบันทึกตอบว่า : การเชื่อว่าความร้อนจากดวงอาทิตย์ดึงน้ำให้ไหลย้อนขึ้นไปเป็นสิ่งที่ผิด แต่สาเหตุที่แท้จริงคือ น้ำมีกระบวนการไหลเวียนผ่านการระเหย จนเกิดเป็นเมฆ และกลายเป็นฝนตกลงมา
ทำไมบริเวณด้านมืดของดวงจันทร์ถึงไม่มืดสนิท ? ในบันทึกตอบว่า : ดวงจันทร์ไม่ใช่ดวงดาวที่ส่องแสงได้เองตามความเชื่อเดิม แต่เป็นเพราะบริเวณนั้นของดวงจันทร์ได้รับแสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากมหาสมุทรบนโลก (ปัจจุบันเรียกว่า แสงโลก) เหมือนกับที่โลกได้รับแสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากดวงจันทร์ (ปัจจุบันเรียกว่า แสงจันทร์)
แต่สาเหตุสำคัญที่สุด ที่หากบันทึกของเขาถูกเผยแพร่ออกไป เขาจะต้องถูกประหารแน่นอน นั่นก็เพราะ ด้วยความสนใจในกายวิภาคมนุษย์เป็นอย่างมาก ดา วินชี ตัดสินใจฝ่าฝืนกฏของคริสตจักรด้วยการลักลอบผ่าศพมนุษย์กว่า 30 ศพ (ทั้งคนปกติและคนป่วย) จึงไม่แปลกที่เขาจะสามารถวาดภาพกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องคมชัด พร้อมเขียนอธิบายถึงวิธีการทำงานของแต่ละมัดได้อย่างสมบูรณ์
เป็นไงครับ นี่ยังไม่ครบ 1 หน้าของหนังสือเลยนะ สุดยอดจริง ๆ ทั้งนี้หลังจากที่หนังสือได้รับการเผยแพร่ในศตวรรษที่ 18 หลายหัวข้อที่ ดา วินซี จดบันทึก ได้ถูกนำไปทดลองและพิสูจน์ซึ่งส่งผลต่อชีวิตของมนุษย์เราจนถึงปัจจุบัน เช่น การออกแบบปืน การออกแบบพลังงานหมุนเวียนทางน้ำ การตั้งคำถามว่าทำไมนกถึงบินได้และได้ร่างภาพสเก็ตเลียนแบบการบินของนกที่เป็นต้นแบบของเฮลิคอปเตอร์ และร่มชูชีพ (Parachute) ในปัจจุบัน
ประวัติโดยย่อ : เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo Da VInci) เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ.1452 ที่เมืองวินชี ประเทศอิตาลี วิชาแรกที่เรียนคือศิลปะ ผลงานสร้างชื่อได้แก่ ออกแบบวาดผังเมืองมิลานใหม่ทั้งหมด, วาดภาพ Vitruvian Man (วิทรูเวียนแมน) ร่างกายของคนเมื่อยืนกางแขนและขาจะแสดงให้เห็นว่าเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่สมบูรณ์เสมอ
Codex Forster มีทั้งหมด 3 เล่ม
และแน่นอนว่าเขานี่แหละเป็นผู้วาดภาพโมนาลิซา (Mona Lisa) และพระกระยาหารมื้อสุดท้าย (The Last Supper) ที่กลายเป็นสิ่งประเมินค่าไม่ได้ไปเรียบร้อยแล้ว
สมุดบันทึกของ ลีโอนาโด ดา วินชี เท่าที่ปรากฏมีอยู่ทั้งหมด 13 เล่ม (บันทึกทั้งหมดมี 4,000 หน้า) โดยแต่ละเล่มก็มีชื่อเรียกต่างกันไป และกระจัดกระจายอยู่ตามพิพิธภัณฑ์หลายแห่งทั่วโลก เช่น สมุด Codex Madrid อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงมาดริด หนังสือเล่มนี้เพิ่งถูกพบเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว , Codex Forster อยู่ที่ลอนดอน