กระเป๋าสตางค์หล่นหายไม่ต้องตกใจ วิจัยชี้หากข้างในมีเงินสดมาก ยิ่งมีโอกาสได้คืนมาก

ค้นหา
Custom Search

งานวิจัยชี้ กระเป๋าเงินที่หายไป หากยิ่งมีเงินสดอยู่ในกระเป๋ามาก ยิ่งมีโอกาสที่จะได้คืนสูงกว่ากระเป๋าที่ไม่มีเงินอยู่เลยหรือมีอยู่น้อย

ผลการทดลองทางสังคมครั้งใหญ่ใน 40 ประเทศทั่วโลกชี้ว่า มนุษย์โดยทั่วไปนั้นมีความซื่อสัตย์สุจริตมากกว่าที่เราเคยคาดกันเอาไว้ โดยทีมนักวิจัยนานาชาติพบว่า กระเป๋าสตางค์ที่พวกเขาแกล้งทำหล่นหายกว่า 17,000 ใบ ถูกนำมาคืนเจ้าของเป็นส่วนใหญ่ และยิ่งมีเงินสดอยู่ในกระเป๋ามาก ยิ่งมีโอกาสที่จะได้คืนสูงกว่ากระเป๋าที่ไม่มีเงินอยู่เลยหรือมีอยู่น้อย

ทีมนักเศรษฐศาสตร์และนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนของสหรัฐฯ รวมทั้งจากมหาวิทยาลัยซูริกของสวิตเซอร์แลนด์ ตีพิมพ์ผลการศึกษาข้างต้นในวารสาร Science โดยระบุว่าได้ทดลองให้ทีมงานแกล้งนำ "กระเป๋าสตางค์ที่เก็บได้" ไปส่งให้กับผู้รับผิดชอบตามองค์กรและสถาบันต่าง ๆ เพื่อตามหาเจ้าของ แล้วคอยติดตามผลว่าจะมีการคืนกระเป๋าสตางค์ใบนั้นพร้อมเงินเต็มจำนวนที่มีอยู่มาหรือไม่

นอกจากนามบัตรระบุชื่อที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อเจ้าของกระเป๋าแล้ว ทีมผู้วิจัยยังใส่เงินสดจำนวนหนึ่งลงไปในกระเป๋าสตางค์ด้วย โดยแบ่งเป็นกระเป๋าที่ใส่เงินไว้สูงสุดราว 94.15 ดอลลาร์สหรัฐฯ (2,900 บาท) และกระเป๋าที่ใส่เงินไว้เล็กน้อยราว 13.45 ดอลลาร์สหรัฐฯ (413 บาท) ส่วนกระเป๋าอีกจำนวนหนึ่งไม่ได้ใส่เงินไว้เลย

ผลปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์ที่มีเงินสดบรรจุอยู่ ถูกส่งกลับคืนมายังเจ้าของในอัตราที่สูงกว่าคือ 51% เมื่อเทียบกับกระเป๋าสตางค์ที่ไม่มีเงินอยู่เลยซึ่งมีอัตราการส่งคืนที่ 40%

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบแนวโน้มการส่งคืนกระเป๋าสตางค์ทั้งสามประเภท พบว่ากระเป๋าที่มีเงินอยู่เป็นจำนวนมากที่สุด ถูกส่งคืนเจ้าของในอัตราสูงสุดเช่นกันที่ 72% ส่วนกระเป๋าที่มีเงินอยู่เพียงเล็กน้อย มีแนวโน้มจะได้คืนในอัตราต่ำกว่าที่ 61%

เดนมาร์ก สวีเดน และนิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่ผู้คนส่งคืนกระเป๋าสตางค์ที่เก็บได้กันมากที่สุด

โอกาสที่เจ้าของกระเป๋าสตางค์จะได้ทรัพย์ของตนเองกลับคืนนั้น มีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยในแต่ละประเทศ โดยผลการทดลองพบว่า เดนมาร์ก สวีเดน และนิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่ผู้คนส่งคืนกระเป๋าสตางค์ที่เก็บได้กันมากที่สุด ส่วนจีน เปรู คาซักสถาน และเคนยา เป็นประเทศที่มีโอกาสจะได้กระเป๋าสตางค์คืนโดยเฉลี่ยราว 8-20% เท่านั้น

ศาสตราจารย์มิเชล มาเรชาล นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซูริก หนึ่งในผู้นำทีมวิจัยบอกว่า "ผลการทดลองชี้ว่าคนส่วนใหญ่มีความเห็นอกเห็นใจคนที่ทำกระเป๋าสตางค์หาย มากกว่าจะเห็นแก่ความโลภและผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งนับว่าขัดแย้งกับหลักเศรษฐศาสตร์ และตรงข้ามกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ที่มักจะมองมนุษย์ในแง่ลบ"

"แต่ก็เป็นไปได้ว่า ผู้คนมักจะตัดสินใจคืนกระเป๋าและเงินให้กับเจ้าของ เพราะไม่อยากจะแบกรับความรู้สึกที่ว่าตนเองเป็นขโมย 

ความรู้สึกนี้ไม่ใช่จิตสำนึกทางศีลธรรม แต่เป็นการให้ความสำคัญต่อความภาคภูมิใจในตนเอง ซึ่งเป็นต้นทุนทางจิตวิทยาอย่างหนึ่ง มากกว่าจะเห็นแก่ผลประโยชน์ทางการเงินในระยะสั้น" ศ. มาเรชาลกล่าว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ภาพถ่ายปริศนางูไททันโอโบอา

"นายลี กวน ยู"- ประกาศชัดในพินัยกรรมให้ “รื้อบ้าน”มรดกตกทอดที่เขาได้รับมาจากพ่อ-แม่มาอยู่อาศัย โดยให้รื้อทิ้งไปเลยหลังจากเขาตายเพื่อไม่ให้บ้านหลังนั้น”ขัดขวางความเจริญ” ของประเทศสิงคโปร์

ปริศนาลึกลับ ของ กลไกการล่องหน ไปในความมืดของปลาประเภท SUPERBLACK ในท้องทะเลลึก ที่ ยังหาคำตอบไม่ได้