เชื้อรา ที่เติบโตในซากเชอร์โนบิล อาจเป็นกุญแจสู่การต้านทานรังสีในอวกาศ
เชื้อรา” ที่เติบโตในซากเชอร์โนบิล อาจเป็นกุญแจสู่การต้านทานรังสีในอวกาศ
Fact – ความรุนแรงของเหตุการณ์เชอร์โนบิล มีอานุภาพรังสีมากกว่าระเบิดปรมาณูที่ถล่มใส่เมืองนางาซากิและฮิโรชิมา 100 เท่า ทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในบริเวณ 30 กิโลเมตร ต้องย้ายออกทันที ยกเว้นเหล่าหมาป่าสีเทา ที่ตอนนี้พวกมันกำลังกลายพันธุ์ ซึ่งการกลายพันธุ์ที่ว่า ไม่ได้หมายถึงพวกมันจะแข็งแรงหรือมีพลังพิเศษ แต่พวกมันจะมีอายุขัยและอัตราการเกิดที่ลดลงเนื่องจากส่งต่อสารเคมีจากรุ่นสู่รุ่นต่างหาก
เหตุการณ์ระเบิดของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เชอร์โนบิล เมื่อปี 1986 คือหายนะด้านสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ อย่างไรก็ตาม ในปี 1991 หลายปีหลังจากเหตุระเบิด
นักวิจัยได้เดินทางเข้าไปสำรวจ จนได้พบกับ เชื้อราสีดำชนิดหนึ่ง ที่กำลังเติบโตอยู่บนผนังของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 ราวกับว่าการแผ่รังสีดึงดูดให้พวกมันเติบโตขึ้นยังไงยังงั้น
เชื้อราจากเชอร์โนบิล (Image businessinsider)
จากนั้นอีก 12 ปีต่อมา Ekaterina Dadachova ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ และเพื่อนร่วมงาน ได้รับตัวอย่างเชื้อราสีดำดังกล่าว จนตรวจพบว่า พวกมันสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเชื้อราปกติ
เชื้อราจากเชอร์โนบิล 3 ชนิดที่นำมาศึกษา ได้แก่ Cladosporium sphaerospermum, Cryptococcus neoformans และ Wangiella dermatitidis ซึ่งทั้งสามชนิดนี้ มีเม็ดสีเมลานินปริมาณมาก ซึ่งเม็ดสีเมลานินที่ว่า
เป็นแบบเดียวกันกับที่พบบนผิวหนังของคนเรา โดยเฉพาะคนที่มีผิวสีเข้ม
เชื้อราขึ้นที่ผนังอาคารในเชอร์โนบิล (Image techeblog)
เมลานิน (Melanin) คือสารที่มีคุณสมบัติในการดูดซับแสง และกระจายรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งในเชื้อราทั้ง 3 ชนิดต่างมีคุณสมบัติดูดซับรังสีและแปลงเป็นพลังงานเคมีเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต เช่นเดียวกับพืชที่ใช้คลอโรฟิลด์ในการสังเคราะห์แสง
และเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อราที่สามารถดูดซับรังสีได้ นักวิจัยในห้องปฏิบัติการ Jet Propulsion ได้ส่งเชื้อราจำนวน 8 สปีชีส์จากเชอร์โนบิลไปยังสถานทีอวกาศนานาชาติ (ISS) เพื่อค้นหาว่ามันจะตอบสนองอย่างไรต่ออวกาศ พื้นที่ที่ได้รับรังสีมากกว่าบนโลกถึง 40-80 เท่า
Power Plant’s จากห้องหมายเลข 4
ซึ่งแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีผลการวิจัยเพิ่มเติม เพราะข่าวนี้เพิ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ที่ผ่านมา แต่นักวิจัยหวังว่า มันจะสามารถผลิตโมเลกุลที่สามารถดัดแปลงเป็นยาที่ช่วยให้มนุษย์อวกาศสามารถนำไปสร้างสิ้นที่ป้องกันการแผ่รังสีในอวกาศได้
ค้นหา
Custom Search