เรื่องจริงสุดตะลึงของนิทาน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ณ ฝรั่งเศสเมื่อ 500 ปีที่แล้ว
ค้นหา
เรื่องจริงสุดดาร์คของนิทาน “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” (ณ ฝรั่งเศสเมื่อ 500 ปีที่แล้ว)
“โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” (Beauty and the Beast) คือนิทานที่บริษัทวอลต์ดิสนีย์เป็นเจ้าของ ซึ่งทั้งเวอร์ชั่นการ์ตูนหรือภาพยนตร์ก็โด่งดังไปทั่วโลก แต่รู้หรือไม่นิทานเวอร์ชั่นแรกสุดที่เขียนโดย กาบริเอล ซูซาน การ์บอท เดอ วิลล์เนิฟร์ (Gabrielle-Suzanne Barbot de Villeneuve) นักเขียนชาวฝรั่งเศส และถูกตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ.1740 นั้น มีที่มาจากเรื่องจริง !!! และอะไรที่มาจากเรื่องจริงก็มักจะโคตรดาร์คเสมอ

Custom Search
กาบริเอล ซูซาน และ เปตรุส กอนซาลวัส บุคคลแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการบันทึกว่าเป็น “โรคหมาป่า”
“อสูรตัวจริง” คือบุคคลที่มีอาการผิดปกติซึ่งหาได้ยาก ชื่อว่า เปตรุส กอนซาลวัส (Petrus Gonsalvus) เกิดเมื่อปี ค.ศ.1537 ที่เกาะคะแนรี ประเทศสเปน เขามีความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เรียกว่า Hypertrichosis หรือ “โรคหมาป่า” เกิดจากยีนพิเศษในโครโมโซม X ผิดปกติ ส่งผลให้เส้นผมและเส้นขนทั่วร่างกายยาวเป็นพิเศษจนดูเหมือนมนุษย์หมาป่านั่นเอง นี่เป็นความผิดปกติที่พบได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย ณ ปัจจุบันทั่วโลกพบผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ น้อยกว่า 100 ราย
ด้วยความแปลกสุด ๆ ในสมัยนั้น ทำให้เมื่อกอนซาลวัสอายุได้เพียง 10 ขวบ เขาก็ถูกจับใส่กรงและส่งลงเรือเพื่อเดินทางไปเป็นของขวัญในพิธีบรมราชภิเษกของ กษัตริย์อองรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศส (Henry II of France) โดยระหว่างก่อนที่จะได้กษัตริย์ เด็กชายกอนซาลวัสถูกจับขังไว้ในคุกใต้ดินตลอดเวลา และยังถูกปฏิบัติเหมือนเป็นเพียงสัตว์ตัวหนึ่งเท่านั้น จนกระทั่งหมอสรุปว่าเขาป่วยและเขาเป็นมนุษย์เหมือพวกเรานี่แหละ เขาจึงรอดชีวิตจากคุกแห่งนั้นมาได้

👉ภาพจากสารคดี The true story of “The Beauty and the Beast” ผลงานของช่อง Universum ซึ่งบอกเล่าเรื่องนี้อย่างละเอียด
ต่อมากษัตริย์อองรีที่ 2 ตัดสินพระทัยให้กอนซาลวัสได้เรียนหนังสือแม้จะคิดว่ามันไม่ค่อยเข้าท่า เพราะเด็กคนนี้ดูคล้ายสัตว์มากกว่าจะเป็นมนุษย์ แต่ปรากฏว่า เมื่อได้รับการศึกษาและได้รับการดูแลที่ดี กอนซาลวัสสามารถพูดทั้งภาษาฝรั่งเศสและลาตินได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งยังปฏิบัติธรรมเนียมต่าง ๆ ของชนชั้นสูงได้แบบไร้ที่ติอีกด้วย
เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี กอนซาลวัสก้าวหน้าทั้งการศึกษาและความประพฤติจนไดรับโอกาสเป็นสมาชิกของราชสำนัก แต่แม้จะมีตำแหน่งใหญ่โต แต่ใครต่อใครก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยความไม่เต็มใจ แต่ทุกคนก็ต้องยอมทำตามที่เขาร้องขอ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นขุนนางคนหนึ่ง ซึ่งการจะขัดคำสั่งของคนในวังนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลย (ตามอ้างอิงระบุว่า เขาสุภาพและอ่อนโยนกับลูกน้องมาก)

👉หลุมฝังศพ ณ มหาวิหารแซ็ง-เดอนี กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
จนกระทั่ง กษัตริย์อองรีที่ 2 เสด็จสวรรคต (เพราะถูกแทงที่ตาระหว่างเล่นกีฬาประลองยุทธบนหลังม้า) ทำให้ “แคทเธอรีน เดอ เมดิซี” (Catherine de’ Medici) ผู้เป็นอัครมเหสีได้ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทน อัครมเหสีท่านนี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปกครองฝรั่งเศสที่เลวร้ายที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เนื่องจากเธอมีส่วนทำให้เหตุการณ์สังหารหมู่วันเซนต์บาโทโลมิวเกิดขึ้น (คนนับถือนิกายโรมันคาทอลิก ฆ่าคนนับถือนิกายโปรเตสแตนต์ มีคนตายทั่วประเทศนับหมื่นคน)
ซึ่งเธอนั้นทั้งเกรี้ยวกราดและเจ้าอารมณ์ คงไม่ต้องพูดถึงกอนซาลวัสจากเดิมที่หมั่นไส้อยู่แล้ว ครั้งนี้พอมีอำนาจกอนซาลวัสจะเหลือหรอ โดยเธอปิ๊งไอเดียนึงขึ้นมาว่า ถ้าให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงสักคนเพื่อให้มีลูกที่มีลักษณะสัตว์ป่าเช่นเดียวกับเขาเกิดขึ้นมาล่ะ มันต้องเป็นเรื่องสนุกแน่เลย !!
ภาพวาดของ เปตรุส แคทเธอรีน บุตรชาย บุตรสาว ซึ่งเป็นโรคหมาป่าเช่นเดียวกับเขา
แคทเธอรีนไม่รอช้ารีบจัดหาหญิงสาวมาสนองไอเดียของตัวเองทันที โดยหญิงผู้นั้นมีชื่อว่า “แคทเธอรีน” (ชื่อเดียวกับเธอ) ซึ่งใช้เวลาไม่นานเธอก็ได้แต่งงานกับกอนซาลวัส แต่ดูเหมือนไอเดียที่อยากกลั่นแกล้งกลับกลายเป็นไอเดียที่ทำให้กอนซาลวัสพบกับรักแท้สะงั้น โดยทั้งคู่อยู่ดูแลกันตลอดชีวิต แถมยังมีลูกด้วยกันทั้งหมดกว่า 7 คน !!!
แต่ถึงอย่างไร ไอเดียสุดชั่วร้ายของแคทเธอรีนก็เป็นจริง เพราะลูกทั้ง 5 คน ของกอนซาลวัสมีความผิดปกติ เป็นโรคหมาป่าเช่นเดียวกับเขา ซึ่งการกลั่นแกล้งยังไม่หยุดแค่นั้น แคทเธอรีนได้สั่งให้ครอบครัวของเขาเดินทางไปแสดงตัวทั่วยุโรป อีกทั้งลูก ๆ รวมถึงกอนซาลวัสยังถูกศึกษาโดยนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการ ทำให้มีภาพวาดของเขาและลูก ๆ ปรากฏอยู่บนหน้าตำราการแพทย์หลายเล่มนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์ชาวอิตาลี ให้ความเห็นต่อเรื่องของกอนซาลวัสว่า นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอยู่เหมือนกัน เพราะพวกเขาไม่ได้คุมขัง แต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระอย่างเต็มที่ การเดินทางไปโชว์ตัวหรือให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบของพวกเขานั้น แน่นอนว่าย่อมได้รับค่าตอบแทนสูง ดังนั้น ถ้าไม่นับการถูกรังเกียจหรือได้รับการปฏิบัติแย่ ๆ ครอบครัวของกอนซาลวัสก็น่าจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและมีเงินเก็บจากการเดินสายโชว์ตัวมากพอสมควรเลยล่ะ
👉ซึ่งหลังจากเดินทางไปทั่วยุโรป กอนซาลวัสก็ตัดสินใจย้ายครอบครัวไปอยู่อย่างสงบในแถบชนบทของอิตาลี และหายไปจากการรับรู้ของสังคม อ่านมาถึงตรงนี้ก็คล้ายกับว่าจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งใช่มั้ยครับ แต่เดี๋ยวก่อน ตามบันทึกประวัติศาสตร์บอกให้เราทราบว่า เมื่อกอนซาลวัสรวมถึงลูก ๆ คนที่มีความผิดปกติ Hypertrichosis ได้ตายไป ไม่มีเพื่อนบ้านหรือสัปเหร่อคนใดยอมร่วมพิธีศพหรือฝังศพให้ เพราะพวกเขาถูกมองว่าเป็นสัตว์ป่ามากกว่าเป็นมนุษย์ … เรื่องจริงของนิทานเรื่องนี้ จบแล้วครับ
Fact – โรคมนุษย์หมาป่า แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.Hypertrichosis ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีขนยาวปกคลุมทั่วทั้งตัว และ 2.Localized hypertrichosis ซึ่งจะทำให้มีขนยาวที่อวัยวะบางส่วน และนอกจากจะพบในมนุษย์แล้ว ยังพบได้ในสัตว์ชนิดอื่นด้วย กรณีที่พบแล้วตอนนี้คือ แมว ชะนี และม้า