ปริศนาลึกลับของอาณานิคมที่สาปสูญแห่งโรอาโนก

เรื่องของอาณานิคมแห่งโรอาโนก เป็นหนึ่งในปริศนาลึกลับของสหรัฐอเมริกา กับชะตากรรมของชาวอังกฤษนับร้อยที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งแม้ในปัจจุบัน ก็ยังไม่มีคำตอบแน่ชัดว่า เพราะเหตุใดหรือสิ่งใด ที่ทำให้ พวกเขา หายไป โดยไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลย
อาณานิคมแห่งโรอาโนก(Roanoke) ตั้งอยู่บนเกาะโรอาโนกในเขตแดร์ รัฐแคโรไลน่าเหนือ สหรัฐอเมริกา อาณานิคมแห่งนี้เกิดขึ้นจากความพยายามของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่หนึ่งที่ทรงต้องการตั้งชุมชนถาวรของชาวอังกฤษในทวีปอเมริกาเหนือ พระนางจึงทรงมีบัญชาให้ เซอร์ วอลเตอร์ ราเลห์ หาสถานที่อันเหมาะสมในอเมริกาเหนือ เพื่อจัดตั้งอาณานิคม

👉โดยนอกจากมีเป้าหมายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรอันมหาศาลของดินแดนโลกใหม่แล้ว อังกฤษยังต้องการใช้อาณานิคมใหม่ที่จะตั้งขึ้นนี้เป็นฐานทัพในการส่งเรือสลัดเอกชน เข้าปล้นกองเรือขนสมบัติของสเปนด้วย
อย่างไรก็ตามในภารกิจนี้ เซอร์ราเลห์ไม่ได้ดำเนินการด้วยตนเอง โดยในวันที่ 27 เมษายน ค.ศ.1584 เขาได้ส่งทีมสำรวจไปยังชายฝั่งตะวันออกของอเมริกาเหนือ โดยคณะสำรวจได้มาถึงที่นี่ ในวันที่ 4 กรกฎาคม และเริ่มจัดตั้งชุมชนพร้อมกับสร้างสัมพันธภาพกับชนเผ่าพื้นเมืองท้องถิ่น คือชาวเผ่าเซโคทันและเผ่าโครอาทัน จากนั้นจึงทำการสำรวจภูมิประเทศเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตั้งอาณานิคม
วันที่ 9 เมษายน ค.ศ.1585 เซอร์วอลเตอร์ ได้ทำการสำรวจครั้งที่สองโดยให้ เซอร์ริชาร์ด แกรนวิลล์ นำเรือห้าลำ ออกเดินทางมายังอเมริกาเหนือ โดยหลังเผชิญ พายุจนกองเรือพลัดแยกกันไประยะหนึ่ง ในที่สุด เซอร์ แกรนวิลล์ก็นำกองเรือทั้งหมดมาถึงเกาะโรอาโนกและได้ดำเนินการจัดตั้งอาณานิคมถาวรของชาวอังกฤษขึ้นที่นี่เป็นแห่งแรก โดยให้ราล์ฟ เลนและชายฉกรรจ์ 107 คน ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่.....
โดยแกรนวิลล์ให้สัญญาว่า เขาจะกลับมาในเดือนเมษายน ค.ศ.1586 พร้อมกับกำลังคนและเสบียงเพิ่มเติม ซึ่งเลนได้สร้างป้อมขนาดเล็กขึ้นบนเกาะและดำเนินการสำรวจพื้นที่โดยรอบ

จนถึงเดือนเมษายน ค.ศ.1586 ขณะที่ยังไม่มีวี่แวว ว่ากำลังคนและเสบียงจะถูกส่งมาเพิ่ม ชาวอาณานิคมของราล์ฟได้ขัดแย้งกับชนพื้นเมืองทำให้ป้อมถูกโจมตี และแม้จะยังรักษาที่มั่นไว้ได้ แต่สถานการณ์ของชาวอาณานิคมเริ่มอยู่ในสภาพเสี่ยง ทว่า ในยามนั้น เซอร์ ฟรานซิส เดรก แม่ทัพเรืออังกฤษที่เพิ่งกลับจากภารกิจปล้นชิงเรือสเปนในทะเลคาริบเบียน ได้นำกองเรือมาที่นี่และเสนอจะนำชาวอาณานิคมที่เหลือออกจากเกาะ ซึ่งทุกคนตกลง ทำให้ป้อมถูกทิ้งร้างไป และเมื่อ แกรนวิลล์ กลับมายังเกาะโรอาโนกในเวลาต่อมา ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว เขาจึงกลับไปรายงาน เซอร์ราเลห์ ที่อังกฤษ

ต่อมาใน ปี ค.ศ.1587 เซอร์ราเลห์ได้ส่งชาวอาณานิคมจำนวน 150 คน นำโดย จอห์น ไวต์ มาที่อ่าวเซซาพีค ในอเมริกาเหนือ ไวต์เป็นศิลปินและเป็นสหายของเซอร์ราเลย์ เขาเคยเข้าร่วมการสำรวจครั้งก่อน ซึ่งหลังจากมาถึงแล้ว ไวต์และคนของเขาได้เดินทางไปเกาะโรอาโนกเพื่อค้นหาคนของแกรนวิลล์ที่อาจยังหลงเหลืออยู่ ทว่าพวกเขาไม่พบใครที่นั่น
จอห์น ไวต์ตัดสินใจตั้งอาณานิคมขึ้นใหม่ที่เกาะ เขาได้ผูกมิตรกับชาวเผ่าโครอาโทนและได้ติดต่อเจรจาขอผูกมิตรกับชนเผ่าที่คนของราล์ฟเคยขัดแย้งด้วย ทว่าชาวเผ่านั้นปฏิเสธที่จะรับไมตรีของไวต์ และจากนั้นไม่นาน ก็มี ชาวอาณานิคมคนหนึ่งชื่อว่า จอร์จ โฮวี ถูกชาวพื้นเมืองสังหาร ขณะออกไปจับปูที่หาดทรายนอกชุมชน

สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวอาณานิคมหวาดกลัว พวกเขาขอให้ไวต์เดินทางกลับอังกฤษเพื่ออธิบายสถานการณ์อันสิ้นหวังของชาวอาณานิคม และขอความช่วยเหลือ ไวต์จึงเดินทางกลับอังกฤษ โดยทิ้งชาวอาณานิคมไว้ 115คน รวมทั้งเวอร์จิเนีย แดร์ หลานสาวที่เพิ่งเกิดของจอห์น ไวต์ โดยเวอร์จิเนีย แดร์ ถือเป็นชาวอังกฤษคนแรกที่ถือกำเนิดในอเมริกา

ไวต์ให้สัญญากับทุกคน ว่าจะรีบกลับมา ทว่าหลังจากเขามาถึงอังกฤษ ก็ได้เกิดสงครามขึ้น โดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน ได้ส่งกองทัพเรืออมาดา รุกรานอังกฤษ สงครามครั้งนี้ ทำให้การหาเรือเพื่อเดินทางกลับไป โรอาโนกของไวต์ต้องประสบปัญหา เนื่องจากเรือเกือบทุกลำ ต้องเข้าร่วมรบ

อย่างไรก็ตาม ไวต์ได้พยายามหาเรือเพื่อไปยังโลกใหม่ จนในที่สุด เขาก็สามารถว่าจ้างเรือเล็กได้สองลำ สำหรับการเดินทางและในปี ค.ศ.1588 พวกเขาก็ออกเดินทาง ทว่าสภาพอากาศและปัญหาเรื่องลูกเรือทำให้ไวต์ไม่อาจไปถึงเกาะโรอาโนก

กระทั่งล่วงมาถึง ปี ค.ศ.1590 ซึ่งสงครามได้สิ้นสุดลง โดยอังกฤษเป็นได้รับชัยชนะเหนือกองทัพเรือสเปน ไวต์ได้จัดหาเรือสำเภาและออกเดินทางไปยังเกาะโรอาโนกพร้อมกำลังคนและเสบียงอาหาร

จอห์น ไวต์ ขึ้นฝั่งที่เกาะโรอาโนกในวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.1590 ซึ่งตรงกับวันเกิดครบรอบสามปี ของหลานสาวเขา เวอร์จิเนีย แดร์ แต่ไวต์กลับพบว่า ทั่วทั้งอาณา นิคม เหลือเพียงว่างเปล่า ปราศจากสิ่งมีชีวิต โดยคนของเขาไม่พบร่องรอยใดๆ ของชาย 90 คน ผู้หญิง 17 คนและเด็ก11 คน สิ่งที่เหลือ มีเพียงป้อมที่ถูกทิ้งร้าง ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือการโจมตีใด ๆ
หลักฐานที่พบ มีเพียงคำว่า โครอาโทน (Croatoan) ที่ถูกสลักอยู่บนเสาต้นหนึ่งของรั้วที่ล้อมรอบหมู่บ้านและ คำว่า โคร(Cro) ที่ถูกสลักเอาไว้บนต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆกัน ส่วนบ้านและสิ่งก่อสร้างอื่นๆทุกหลังถูกรื้อออก ซึ่งอาจหมายความว่า พวกเขาไม่ได้จากไปอย่างเร่งรีบ

ทั้งนี้ ก่อนที่ไวต์จะไปจากที่นี่ เขาได้สั่ง ชาวอาณานิคมไว้ว่า หากเกิดเรื่องขึ้น ก็ให้ พวกเขาสลักรูปไม้กางเขนไว้บนต้นไม้ใกล้ๆ เพื่อบอกให้รู้ว่า พวกเขาถูกบังคับให้หนีไป ทว่า การที่ไม่มีเครื่องหมายดังกล่าว ปรากฏให้เห็น ไวต์จึงคิดว่า พวกชาวอาณานิคม น่าจะย้ายไปที่เกาะโครอาโทน(ปัจจุบันคือเกาะแฮทเทอรัส) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรอาโนก แต่ไวต์ก็ไม่สามารถไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่นั่นได้ เนื่องจากพายุใหญ่ที่กำลังก่อตัว ทำให้คนของเขาไม่ยอมไปต่อ จากนั้น ในวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็ออกจากเกาะ.....
เซอร์ วอลเตอร์ ราเลห์ ผู้ครอบครองสิทธิ ในการจัดตั้งอาณานิคม บนเกาะโรอาโนก ได้ส่งเรือและคนกลับไปค้นหาชาวอาณานิคมที่หายไป ทว่าสภาพอากาศที่เลวร้าย ทำให้การค้นหาล้มเหลว จนกระทั่งหลายปีต่อมา เมื่อ เซอร์ ราเลห์ ถูกประหารชีวิตในข้อหาเป็นกบฏ การค้นหาชาวอาณานิคมจึงต้องยุติลง

นอกจากอังกฤษแล้ว สเปนเอง ก็ออกค้นหาอาณานิคมแห่งนี้ เนื่องจากสเปนต้องการทำลายที่มั่นของกองเรือสลัดเอกชนอังกฤษ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า ตั้งอยู่ในอาณา นิคมเกาะโรอาโนก ทว่าชาวสเปน ก็พบเพียงความว่างเปล่าเช่นกัน

นักประวัติศาสตร์ได้พยายามหาคำอธิบายเรื่องการการหายไปอย่างไร้ร่องรอยของชาวอาณานิคมโรอาโนก นักประวัติศาสตร์คิดว่า หากพวกเขาย้ายไปอยู่ที่เกาะโครอาโทน หรือย้ายไปยังบริเวณอื่นใกล้เคียง ก็น่าจะมีหลักฐานของชาวอาณานิคมหลงเหลืออยู่บ้าง ทว่าแม้จะมีการพบข้าวของบางชิ้นของชาวผิวขาวในพื้นที่แถบนั้น แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานอื่นใดที่ยืนยันถึง การเคยมีอยู่ของพวกเขา
👉นักประวัติศาสตร์บางคนคิดว่า ชาวอาณานิคมอาจจะถูกพวกโครอาโทนสังหารจนหมดสิ้น เนื่องจากในช่วงที่มีการตั้งอาณานิคมในครั้งแรกนั้น ได้มีการกระทบกระทั่งกับชนพื้นเมืองหลายครั้ง โดยชาวอาณานิคมบางคนได้ลักพาตัวเด็กและสตรีชาวพื้นเมือง เพื่อใช้ต่อรองแลกกับเสบียงอาหาร จึงทำให้ชนพื้นเมืองบางส่วน มองคนผิวขาวเป็นผู้รุกราน และลงมือทำร้าย ดังเช่นกรณี การสังหารชาวอาณานิคมที่ชื่อ จอร์จ โฮวี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีร่องรอยของการโจมตี จึงทำให้แนวคิดเรื่องที่ชาวอาณานิคมถูกกวาดล้างโดยชนพื้นเมือง ต้องตกไป

หลายปี หลังเหตุการณ์หายตัวไปของชาวอาณานิคมโรอาโนก มีนักเดินทางชาวผิวขาวบางคนอ้างว่า พวกเขาเคยพบเห็นคนขาวอาศัยอยู่รวมกับชาวอินเดียนพื้นเมืองในพื้นที่ใกล้เคียง แต่นอกจากคำบอกเล่าแล้ว ก็ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใด นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบแผ่นหินบันทึกของอลิซาเบธ แดร์ บุตรสาวของจอห์น ไวต์ มารดาของ เวอร์จิเนีย แดร์ ซึ่งบันทึกเหล่านั้น เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากไวต์ไปจากเกาะ ทั้งยังเล่าถึงวาระสุดท้ายของชาวอาณา นิคมด้วย อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าแผ่นหินถูกทำขึ้นหลังการหายสาบสูญ จึงไม่มีใครเชื่อถือข้อความในนั้น

การหายตัวไปของชาวอาณานิคมโรอาโนก กลายเป็นหนึ่งในปริศนาลี้ลับของประวัติศาสตร์อเมริกา จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งชะตากรรมที่แท้จริงของ เวอร์จิเนีย แดร์ ชาวอังกฤษคนแรกที่ถือกำเนิด บนแผ่นดินอเมริกา และทั้งหมดนี้ จึงทำให้ อาณานิคมแห่งโรอาโนก ได้รับสมญาว่า อาณานิคมที่สาบสูญ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ภาพถ่ายปริศนางูไททันโอโบอา

"นายลี กวน ยู"- ประกาศชัดในพินัยกรรมให้ “รื้อบ้าน”มรดกตกทอดที่เขาได้รับมาจากพ่อ-แม่มาอยู่อาศัย โดยให้รื้อทิ้งไปเลยหลังจากเขาตายเพื่อไม่ให้บ้านหลังนั้น”ขัดขวางความเจริญ” ของประเทศสิงคโปร์

ปริศนาลึกลับ ของ กลไกการล่องหน ไปในความมืดของปลาประเภท SUPERBLACK ในท้องทะเลลึก ที่ ยังหาคำตอบไม่ได้