พบฟอสซิลส่วนหัวของไดโนเสาร์ขนาดเล็กที่สุด ในก้อนอำพัน 99 ล้านปี

คณะนักบรรพชีวินวิทยาจากนานาชาติ ตีพิมพ์รายงานล่าสุดลงในวารสาร Nature โดยระบุว่าได้ค้นพบซากฟอสซิลส่วนหัวของไดโนเสาร์ที่มีลักษณะคล้ายนกขนาดเล็กจิ๋ว ฝังอยู่ในก้อนอำพันที่มีอายุเก่าแก่ถึง 99 ล้านปี 

ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาก้อนอำพันดังกล่าว ซึ่งได้มาจากทางตอนเหนือของประเทศเมียนมาร์ แล้วพบว่าฟอสซิลส่วนหัวที่ฝังอยู่ภายในเป็นของไดโนเสาร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด เท่าที่เคยมีการค้นพบและบันทึกข้อมูลไว้ ไดโนเสาร์สายพันธุ์ที่ค้นพบใหม่ดังกล่าว ได้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oculudentavis khaungraae โดยมันมีขนาดเท่ากับ "นกฮัมมิงเบิร์ดผึ้ง" (Bee hummingbird) นกตัวเล็กที่สุดในโลกที่มีปีกและลำตัวยาวรวมกันไม่เกิน 5 เซนติเมตร ทั้งยังหนักเพียง 2 กรัมเท่านั้น

👉ภาพจำลองไดโนเสาร์ตัวจิ๋ว Oculudentavis khaungraae ที่เป็นนักล่ากินแมลง

ศาสตราจารย์ จิ้งไม่ โอคอนเนอร์ จากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) หนึ่งในทีมนักบรรพชีวินวิทยาที่ทำการศึกษาฟอสซิลนี้บอกว่า ไดโนเสาร์ชนิดนี้สามารถมีวิวัฒนาการแยกจากบรรพบุรุษที่มีขนาดใหญ่โต จนกลายมาเป็นไดโนเสาร์จำพวกนกที่มีขนาดเล็กจิ๋วได้อย่างเหลือเชื่อ

"เมื่อพบเจอกับปัญหาบางอย่าง สิ่งมีชีวิตสามารถปรับตัวให้มีขนาดเล็กลงได้หลายเท่า แต่มันจะต้องบรรจุอวัยวะเกี่ยวกับประสาทการรับรู้ที่ซับซ้อน เข้าไปไว้ในหัวกะโหลกขนาดจิ๋วทั้งหมด ทั้งยังต้องพยายามเก็บรักษาความร้อนในร่างกายเอาไว้ให้คงที่ตลอดเวลาด้วย" ศ. โอคอนเนอร์กล่าว

👉ภาพซีทีสแกนฟอสซิลหัวกะโหลก ที่ดูคล้ายหัวนกในก้อนอำพัน ผลวิเคราะห์ด้วยซีทีสแกนชี้ว่า กะโหลกของไดโนเสาร์ชนิดนี้มีทั้งลักษณะที่คล้ายกับไดโนเสาร์ทั่วไป และลักษณะของนกสมัยใหม่ที่วิวัฒนาการไปไกลมากแล้วผสมปนเปกันอยู่ ขากรรไกรของมันมีฟันจำนวนมาก แสดงถึงการเป็นนักล่ากินแมลง ส่วนกระดูกที่รองรับลูกตาก็มีลักษณะประหลาดผิดจากนกทั่วไป โดยแทนที่จะมีรูปร่างเป็นวงแหวน กลับมีโครงสร้างคล้ายช้อนเล็ก ๆ แบบเดียวกับสัตว์จำพวกจิ้งจกตุ๊กแก ซึ่งกระดูกรูปช้อนนี้จะรวมตัวกันเป็นทรงกรวย ทำให้ลูกตากลอกไปมารอบทิศทางได้เหมือนนกฮูก

👉ภาพภาพจากฝีมือศิลปิน แสดงให้เห็นฟันจำนวนมากที่อยู่ในปากขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าไดโนเสาร์ตัวจิ๋วนี้จะเป็นสัตว์หากินตอนกลางวัน และยังมีเนื้อเยื่อของลิ้นบางส่วนหลงเหลืออยู่ในฟอสซิลกะโหลกของมันด้วย.....
ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการศึกษาต่อไปว่า เหตุใดมันจึงมีวิวัฒนาการไปในทางที่ทำให้ตัวเล็กลงมากเช่นนี้
ปัจจุบันทีมผู้วิจัยสันนิษฐานว่า การปรับตัวตามสภาพภูมิประเทศของถิ่นที่อยู่อาศัย หรือการแยกตัวอยู่โดดเดี่ยวบนเกาะ น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ไดโนเสาร์ชนิดนี้ปรับตัวให้มีขนาดเล็กลง โดยแหล่งที่พบอำพันบรรจุซากฟอสซิลนั้น เชื่อว่าเคยเป็นหมู่เกาะรูปโค้ง (Island arc) ในสมัยโบราณมาก่อน ...

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ภาพถ่ายปริศนางูไททันโอโบอา

"นายลี กวน ยู"- ประกาศชัดในพินัยกรรมให้ “รื้อบ้าน”มรดกตกทอดที่เขาได้รับมาจากพ่อ-แม่มาอยู่อาศัย โดยให้รื้อทิ้งไปเลยหลังจากเขาตายเพื่อไม่ให้บ้านหลังนั้น”ขัดขวางความเจริญ” ของประเทศสิงคโปร์

ปริศนาลึกลับ ของ กลไกการล่องหน ไปในความมืดของปลาประเภท SUPERBLACK ในท้องทะเลลึก ที่ ยังหาคำตอบไม่ได้