ร็อดส์สัตว์บินปริศนา กับโฉมหน้าที่แท้จริง

เมื่อไม่กี่วันมานี้มีข่าวการถ่ายภาพสัตว์ประหลาดเนสซี (Nessie) ได้ที่ทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ (Windermere) ในประเทศอังกฤษ ซึ่งแต่เดิมนั้นเจ้าสัตว์ลึกลับที่ลักษณะคล้ายไดโนเสาร์หลงยุคตัวนี้มีข่าวเล่าลือและรูปถ่ายเป็น หลักฐานว่ามันอาศัยอยู่ที่ทะเลสาบล็อกเนสส์ (Loch Ness) ในสกอตแลนด์ ซึ่งรูปถ่ายส่วนใหญ่ก็ถูกพิสูจน์แล้วว่าทำขึ้นเพื่อหลอกลวง หรือเกิดจากความเข้าใจผิด สำหรับรูปล่าสุดนี้ดูแล้วก็น่าจะเป็น ภาพที่ปลอมขึ้นมาอีกตามเคย ในบ้านเราเองก็ยังฮือฮากันไม่หายเรื่องของรอยพญานาค ซึ่งผู้รู้ท่านมายืนยันว่ามันไม่ใช่ แต่อีกหลายท่านก็บอกว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เรื่องแบบนี้ขอให้ใช้วิจารณญาณพิจารณาดูกันให้ดี

เคยมีรูปถ่ายมากมายที่เคยเป็นหลักฐานยืนยันการมีอยู่ของสัตว์ประหลาดลึกลับ บางภาพก็ยังเป็นปริศนาหาคำอธิบายไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ แต่อีกหลายๆภาพก็ถูกฟันธงไปแล้วว่าที่เข้าใจกันมาตลอดน่ะ มันผิดทั้งเพ

😂 สัปดาห์นี้ขอพาไปรู้จักกับสัตว์ลึกลับที่ผู้คนกล่าวขานถึงมานาน ด้วยความน่าพิศวงที่ไม่แพ้สัตว์ปริศนาอื่นใด เป็นหนึ่งในรายชื่อที่เหล่าผู้ค้นคว้าศึกษาเรื่องสัตว์ลึกลับ (cryptozoologists) อยากได้ตัวมันเป็นที่สุด แม้มันจะไม่ได้มีร่างกายใหญ่โตน่าสะพรึงอย่างเนสซี บิ๊กฟุต หรืองูทะเลยักษ์ แต่ทว่าความลึกลับในการดำรงอยู่ของมันนั้นช่างเต็มไปด้วยปริศนายิ่งกว่าสัตว์ขนาดใหญ่พวกนั้นเสียอีก
ภาพถ่ายที่ติดสิ่งบินปริศนา
โดยบังเอิญ.
ร็อดส์ (Rods) เป็นที่รู้จักกันในรูปของสิ่งบินขนาดเล็ก ที่บินด้วยความเร็วสูงมาก โฮเซ่ เอสคามิลล่า (Jose Escamilla) อ้างว่าเป็นคนแรกที่บันทึกภาพเจ้าร็อดส์ไว้ได้เมื่อ 19 มีนาคม 1994 ที่ รอสเวลล์ (Roswell) รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา ในขณะที่พยายามที่จะบันทึกภาพยูเอฟโอ ตั้งแต่นั้นมา นายเอสคามิลล่าก็ได้ถ่ายวีดิโอบันทึกสิ่งบินลึกลับชนิดนี้เพิ่มขึ้นมากมายและออกเดินสายบรรยายโปรโมตการค้นพบของตนเอง (บางกระแสก็ว่านักท่องเที่ยวถ่ายภาพได้ แล้วนายโฮเซ่เอาไปเผยแพร่ทางรายการวิทยุจนโด่งดัง)

รอสเวลล์ คือสถานที่ที่มีข่าวเรื่องจานบินและมนุษย์ต่างดาวเยอะมาก ดังนั้นจึงมีบางคนเชื่อว่าเจ้าร็อดส์นี่อาจเป็นจานบินขนาดเล็ก หรืออาจเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว บางรายก็จินตนาการไปไกลถึงขั้นว่ามันอาจเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติ แต่ความเชื่อที่ว่ามันเป็นสัตว์ลึกลับตกสำรวจดูจะมีน้ำหนักมากที่สุด

กล่าวกันว่าภาพของร็อดส์ที่เผยแพร่ออกมาล้วนแต่บันทึกด้วยความเร็วสูง จึงสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของเจ้าจรวดจิ๋วนี้ไว้ได้ แต่การเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงปานนั้นคงต้องใช้พลังงานในการขับเคลื่อนมหาศาล แล้วมันกินอะไรกันล่ะ ถึงได้สร้างพลังงานได้เช่นนั้น? มีบางคนสันนิษฐานว่าร็อดส์นั้นอาจอยู่บนโลกเรานานแสนนานมาแล้ว เพราะมันอาจวิวัฒนาการมาจาก อโนมาโลคารีส (Anomalocaris) สัตว์นักล่าแห่งท้องทะเลดึกดำบรรพ์ในยุคแคมเบรียน (ประมาณ 500 ล้านปีก่อน) ซึ่งข้อสันนิษฐานนี้ ดูจะห่างไกลความจริงจนสุดกู่
ภาพเปรียบเทียบให้เห็นการบินของแมลงปอด้วยการใช้เวลาบันทึกที่นานขึ้น.
ต่อมาก็มีคนถ่ายภาพร็อดส์ได้มากมายจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะที่รอสเวลล์อีกต่อไป รวมถึงมีบางคนอ้างว่าเคยถ่ายภาพร็อดส์ได้ก่อนนายโฮเซ่เสียด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็เลยไม่ได้สนใจ แต่ที่แน่ๆ ร็อดส์ได้กลายเป็นที่รู้จักและตามล่าหาตัวในหมู่นักค้นหาสัตว์ลึกลับไปแล้ว
😂ทีนี้เราลองมาฟังความจากฝ่ายค้านกันบ้าง
นักสืบสวนเรื่องยูเอฟโอ โรเบิร์ต เชฟเฟอร์ (Robert Sheaffer) ได้เขียนบทความหลังจากที่เข้าร่วมฟังการบรรยายของนายเอสคามิลล่าว่า “สิ่งที่เขาเรียกว่าร็อดส์นั้น เห็นได้ชัดเลยว่าคือแมลงที่บินข้ามทุ่งในมุมสูง และส่วนที่ดูเหมือนรยางค์นั่นก็เหมือนกับภาพของปีกนกกำลังบิน ที่ถ่ายโดยเปิดให้กล้องรับแสงนานๆ”
อโนมาโลคารีส สัตว์ทะเลยุคดึกดำบรรพ์.
เซซิล อดัมส์ (Cecil Adams) คอลัมนิสต์รายหนึ่งได้เขียนลงคอลัมน์ของเขาว่า “ร็อดส์ลวงโลก นายเอสคามิลล่าเป็นคนไร้ยางอาย หากำไรจากการต้มตุ๋นประชาชน” และยังได้ระบุต่อไปอีกว่า นักวิจัยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าร็อดส์นั้นเกิดจากกลไกในการรับแสงของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งจะเกิดการเบลอของปีกแมลงเมื่อแมลงบินผ่านกล้องด้วยความเร็วสูงกว่าความเร็วที่กล้องใช้บันทึกภาพ

เมื่อวันที่ 8-9 สิงหาคม ค.ศ. 2005 สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีน[ China Central Television (CCTV) ] ได้ออกอากาศสารคดีสองตอนเกี่ยวกับร็อดส์ โดยรายงานถึงการทดลองในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนของปีดังกล่าว ที่บริษัทเภสัชกรรม Tonghua Zhenguo Pharmaceutical Company ในเมืองตงหัว มณฑลจี๋หลิน (Jilin) ได้ทำการพิสูจน์เพื่อลบล้างความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับร็อดส์ ทีแรกพวกเขาได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดในบริษัท ซึ่งบันทึกภาพสิ่งที่เหมือนกับภาพร็อดส์ของนายโฮเซ่ เอส–คามิลล่า จึงตัดสินใจทำการไขปริศนาโดยหาทางจับเจ้าสัตว์บินลึกลับนี้ให้ได้ โดยติดตั้งตาข่ายขนาดใหญ่พร้อมทั้งกล้องวงจรปิด และเมื่อภาพเจ้าร็อดส์ปรากฏขึ้นในกล้อง

อีกครั้ง พวกเขาก็รีบไปตรวจสอบในตาข่าย ซึ่งสิ่งที่พบก็มีแค่ผีเสื้อกลางคืน หรือมอธ (moth) ธรรมด๊า...ธรรมดากับพวกแมลงบินได้ชนิดอื่นๆเท่านั้น และพวกเขาก็ได้เผยให้เห็นว่า ภาพปริศนาเหล่านี้เกิดขึ้นจากกลไกการบันทึกภาพที่ช้าจนหยุดภาพการกระพือปีกของแมลงไม่ได้เท่านั้นเอง
มอธที่บินเข้าหาแสงไฟ ถ่ายโดยการเปิดกล้องให้รับแสงนาน.
เมื่อ ค.ศ. 2012 ไม่กี่ปีมานี้ หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของมาเลเซียก็รายงานว่า นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ นามว่านาย แมทธิว ลาเซนบี (Matthew Lazenby) ได้บอกว่าเขาค้นพบร็อดส์ในถ้ำ ที่รัฐซาบาห์ นายแมทธิวเล่าว่ามันดูคล้ายแมลง แต่ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูแตกต่างจากที่เคยรู้จักทั้งหมด และประกาศความตั้งใจ เขาจะจับเจ้าสัตว์สายพันธุ์ใหม่นี้ให้ได้ โดย นสพ.ดังกล่าวได้รายงานถึงการพยายามจับสัตว์ชนิดนี้ในจีน ซึ่งสุดท้ายก็พบว่าเป็นเพียงแค่มอธและแมลงอื่นๆด้วย

เอาละทีนี้มาดูการพิสูจน์ปริศนานี้กันชัดๆดีกว่า ท่านผู้อ่านลองนึกภาพถ่ายถนนตอนกลางคืนที่มีรถวิ่งสิครับ บางภาพเราจะเห็นแสงไฟจากรถยนต์ยืดยาวเป็นเส้น แตกต่างจากเวลาเรามองด้วยตาเปล่า นั่นเกิดจากการที่ช่างภาพใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆหรือช้าๆในการถ่ายภาพ เช่นภาพที่เปิดรับแสงนาน 1 นาที ภาพที่เราเห็นคือภาพที่กล้องบันทึกไว้ตั้งแต่วินาทีแรกที่กดปุ่มชัตเตอร์ 
ไปจนถึงวินาทีที่ 60 ซึ่งเวลาที่นานขนาดนั้นรถอาจจะวิ่งผ่านเราไปไกลมากแล้ว ภาพที่เห็นก็คือภาพเบลอๆ ของรถที่ยืดยาวตั้งแต่จุดแรกไปจนถึงจุดสุดท้ายที่กล้องบันทึกไว้
ร็อดส์ สิ่งบินปริศนา.
เช่นเดียวกัน ผลการทดลองถ่ายภาพแมลงกำลังบินด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ก็เฉลยปริศนานี้ออกมาอย่างง่ายดาย นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่าภาพแบบนี้เกิดขึ้นได้ง่ายหากใช้ความไวชัตเตอร์ต่ำกว่า 1/50 วินาที (เพื่อการรับแสงนานที่มากขึ้น กรณีถ่ายภาพในที่แสงน้อย) เวลาแมลงบินนั้นมันจะกระพือปีก 10-250 ครั้งต่อวินาที แมลงขนาดเล็กบางชนิดอาจขยับปีกตั้ง 1,000 ครั้งในการบิน 1 วินาที ความเร็วในการบินของแมลงส่วนใหญ่นั้นก็มีตั้งแต่ 0.5-7 เมตรต่อวินาที (แมลงปอจัดว่าบินเร็วที่สุด คือประมาณ 30-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) 
😂ตัวอย่างจากการทดลองคือแมลงชนิดหนึ่ง ขยับปีกบิน 2 ครั้ง ในเวลา 1/50 วินาที เคลื่อนที่ไปได้ 8 เซนติเมตรจากการบันทึกภาพจะได้ร็อดส์ยาว 8 เซนติเมตร มีรยางค์ให้เห็นในภาพ 2 คู่ ถ้าเปิดชัตเตอร์ให้บันทึกภาพด้วยระยะเวลาที่นานกว่านั้น ก็จะได้ภาพร็อดส์ที่มีลำตัวยาวขึ้น มีจำนวนรยางค์ที่มากขึ้น การที่เห็นปีกแมลงได้ชัดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการที่มันอยู่ในมุมที่สะท้อนแสงมาสู่กล้องมากน้อยเพียงใดด้วย แมลงที่ปีกโปร่งแสงหรือทึบแสงก็ให้ภาพที่แตกต่างกันออกไป
ภาพจินตนาการร็อดส์ที่มีปีกเหมือนครีบ และ ภาพฝูงแมลงที่มีลักษณะเดียวกับร็อดส์.
สรุปแล้วความลับของสิ่งมีชีวิตปริศนานี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าแมลงที่ถูกถ่ายภาพด้วยการเปิดชัตเตอร์ให้รับแสงเป็นเวลานานๆ นั่นเอง ไม่ใช่ว่าเจ้าร็อดส์นั้นมันบินรวดเร็วปานสายฟ้าแลบแต่อย่างใด มันก็บินเร็วเท่าแมลงปกติทั่วไป และไม่แปลกเลยที่ไม่มีใครเคยเห็นซากร็อดส์ ไม่มีใครเห็นมันหยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเพื่อกินอาหาร, พักผ่อน หรือสืบพันธุ์ เพราะทันทีที่มันหยุดบิน ไม่ว่าจะมองด้วยตาเปล่าหรือใช้กล้องถ่ายภาพ มันก็คือแมลงธรรมดานั่นเอง

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มิจฉาชีพชายที่สวมรอยเป็นหมอในโรงพยาบาลจนกลายเป็นดาว TikTok

ประวัติความเป็นมาของเครื่องล้างจาน ที่มีมากว่า 125 ปี

ภัยพิบัติแห่งสนามบิน Tenerife สายการบิน: KLM Royal Dutch Airlines และ Pan American World Airways