นักโบราณคดีค้นพบหลักฐานการทำลายล้างของคลื่นสึนามิเมื่อประมาณ 600 ปีที่แล้วในเกาะสุมาตรา
หลักฐานจากการศึกษาทางธรณีวิทยาหลังจากคลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นในปีค.ศ. 2004 ระบุว่าคลื่นยักษ์สึนามิเคยเกิดขึ้นในอดีตมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อประมาณ 600 ปีที่ผ่านมา (ปีค.ศ. 1394) อย่างไรก็ตามยังไม่มีการคาดคะเนถึงความเสียจากคลื่นสึนามิในครั้งนั้น
ล่าสุดนี้ทีมนักโบราณคดีได้พบหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของชุมชนในสมัยโบราณกว่า 10 แห่งในบริเวณบันดาอาเจะห์ (Banda Aceh) ชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ที่ได้รับผลกระทบโดยคลื่นสึนามิ จากหลักฐานของเครื่องใช้เซรามิกและหินสุสานกว่า 9 แห่งที่ถูกทำลายโดยคลื่นสึนามิ ยกเว้นชุมชนลามรี (Lamri) ที่อยู่บนเนินเขา
เพราะสูงเกินกว่าระดับคลื่นยักษ์ที่ซัดถล่มเข้ามา
โดยชุมชนลามรีนี้ยังคงปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์และอารยธรรมไว้จนถึงศตวรรษที่ 16 ก่อนที่จะถูกทิ้งร้างไปในที่สุด ในขณะที่พื้นที่บริเวณชายฝั่งเดิมได้กลับมาถูกใช้สอยและตั้งถิ่นฐานอีกครั้งในภายหลัง
เพราะสูงเกินกว่าระดับคลื่นยักษ์ที่ซัดถล่มเข้ามา
การค้นพบนี้เปิดเผยให้เห็นว่าคลื่นสึนามิในปีค.ศ. 1394 มีขนาดใหญ่พอที่จะสร้างความเสียหายต่อชุมชนในบริเวณบันดาอาเจะห์ เหมือนกับที่บริเวณนี้เคยได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิในปีค.ศ. 2004 นอกจากนั้นคลื่นสึนามิโบราณนี้ยังส่งผลต่อการปรับรูปแบบของภูมิประเทศในบริเวณที่เคยเป็นแหล่งการค้าและการเมืองสำคัญ
ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญในศตวรรษต่อๆ มา
ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญในศตวรรษต่อๆ มา